นักโภชนาการชี้ความเครียดทำให้กินได้เยอะขึ้น แนะทำสมาธิ ฝึกจิตใจ ช่วยลดอ้วนลดพุงได้ เหตุทำให้มีสติในการกินมากขึ้น เป็นการปรับพฤติกรรมการบริโภค เผย 7 เคล็ดลับวิธีฝึกสมาธิกับการกิน
ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยเรื่อง “ฝึกสมาธิในการกินช่วยลดอ้วนลดพุง” ตามโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ในชุดโครงการ “รวมพลัง ขยับกาย สร้างสังคมไทย ไร้พุง” ว่า การฝึกสมาธิมีประโยชน์มาก การทำให้จิตใจให้สงบทำให้เกิดความผ่อนคลาย คลายเครียด และสามารถเอามาประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่นๆ ได้ เช่น พฤติกรรมการบริโภคอาหาร ซึ่งการฝึกสมาธิทำให้มีสติรับรู้ถึงความต้องการของร่างกาย จึงช่วยปรับการบริโภคจนเกินปริมาณได้
ดร.ฉัตรภา กล่าวว่า วิธีการฝึกสมาธิง่ายๆ คือ 1.ก่อนกินอาหารแต่ละครั้งควรฝึกจิตใจให้ผ่อนคลายจากอารมณ์ต่างๆ เช่น โกรธ หิว ดีใจ เสียใจ เนื่องจากอารมณ์ส่งผลไปถึงพฤติกรรมการกินได้ จะทำให้แยกแยะระหว่างความอยากกับความหิวได้ ช่วยให้กินในปริมาณที่ร่างกายต้องการจริงๆ 2.เมื่อมีสติก่อนกิน จะทำให้ตักอาหารทีละน้อยๆ อาจฝึกได้ด้วยการใช้ตะเกียบ หรือ ช้อน ส้อม ที่เล็กกว่าปกติ ก็จะทำให้กินอาหารช้าลง ร่างกายรับรู้ถึงความอิ่มได้ง่ายกว่า 3.ฝึกวิเคราะห์ส่วนประกอบของอาหาร เพื่อดูและแยกแยะว่า อาหารที่กินนั้นทำมาจากอะไรบ้าง การรับรู้ถึงชนิดของอาหารที่กิน จะทำให้เลือกกินได้เหมาะสม เพิ่มหรือลดสิ่งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้
น.ส.ฉัตรภา กล่าวต่อว่า 4.ฝึกกินให้ช้าลง เคี้ยวอาหารให้ละเอียดขึ้น ซึ่งมีผลการศึกษาพบว่า อัตราความเร็วในการเคี้ยว และกลืนอาหาร ส่งผลต่อปริมาณการกินในแต่ละครั้ง โดยแต่ละคำควรจะเคี้ยวอาหารประมาณ 15-25 ครั้ง 5.ฝึกการรับรู้รสชาติอาหารทุกครั้ง เพื่อให้สมองได้จำรสเค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ดร้อน อาหารทอด อาหารมัน เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลในทางไม่ดีได้มากขึ้น 6.กินอาหารไกลจากสิ่งรบกวน เช่น การคุยโทรศัพท์ ดูทีวี ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้รับรู้และใส่ใจกับอาหารที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น และ 7.หลังจากกินเสร็จ ควรนั่งพัก 3-5 นาที เพื่อให้ระบบย่อยอาหารได้ทำงานดีขึ้น ถือเป็นการพักจิตใจด้วยส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความเครียดถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กินอาหารมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การฝึกสมาธิและทำให้จิตใจผ่อนคลายเสมอจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งผลไปยังพฤติกรรมการบริโภคด้วย
ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยเรื่อง “ฝึกสมาธิในการกินช่วยลดอ้วนลดพุง” ตามโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ในชุดโครงการ “รวมพลัง ขยับกาย สร้างสังคมไทย ไร้พุง” ว่า การฝึกสมาธิมีประโยชน์มาก การทำให้จิตใจให้สงบทำให้เกิดความผ่อนคลาย คลายเครียด และสามารถเอามาประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่นๆ ได้ เช่น พฤติกรรมการบริโภคอาหาร ซึ่งการฝึกสมาธิทำให้มีสติรับรู้ถึงความต้องการของร่างกาย จึงช่วยปรับการบริโภคจนเกินปริมาณได้
ดร.ฉัตรภา กล่าวว่า วิธีการฝึกสมาธิง่ายๆ คือ 1.ก่อนกินอาหารแต่ละครั้งควรฝึกจิตใจให้ผ่อนคลายจากอารมณ์ต่างๆ เช่น โกรธ หิว ดีใจ เสียใจ เนื่องจากอารมณ์ส่งผลไปถึงพฤติกรรมการกินได้ จะทำให้แยกแยะระหว่างความอยากกับความหิวได้ ช่วยให้กินในปริมาณที่ร่างกายต้องการจริงๆ 2.เมื่อมีสติก่อนกิน จะทำให้ตักอาหารทีละน้อยๆ อาจฝึกได้ด้วยการใช้ตะเกียบ หรือ ช้อน ส้อม ที่เล็กกว่าปกติ ก็จะทำให้กินอาหารช้าลง ร่างกายรับรู้ถึงความอิ่มได้ง่ายกว่า 3.ฝึกวิเคราะห์ส่วนประกอบของอาหาร เพื่อดูและแยกแยะว่า อาหารที่กินนั้นทำมาจากอะไรบ้าง การรับรู้ถึงชนิดของอาหารที่กิน จะทำให้เลือกกินได้เหมาะสม เพิ่มหรือลดสิ่งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้
น.ส.ฉัตรภา กล่าวต่อว่า 4.ฝึกกินให้ช้าลง เคี้ยวอาหารให้ละเอียดขึ้น ซึ่งมีผลการศึกษาพบว่า อัตราความเร็วในการเคี้ยว และกลืนอาหาร ส่งผลต่อปริมาณการกินในแต่ละครั้ง โดยแต่ละคำควรจะเคี้ยวอาหารประมาณ 15-25 ครั้ง 5.ฝึกการรับรู้รสชาติอาหารทุกครั้ง เพื่อให้สมองได้จำรสเค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ดร้อน อาหารทอด อาหารมัน เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลในทางไม่ดีได้มากขึ้น 6.กินอาหารไกลจากสิ่งรบกวน เช่น การคุยโทรศัพท์ ดูทีวี ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้รับรู้และใส่ใจกับอาหารที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น และ 7.หลังจากกินเสร็จ ควรนั่งพัก 3-5 นาที เพื่อให้ระบบย่อยอาหารได้ทำงานดีขึ้น ถือเป็นการพักจิตใจด้วยส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความเครียดถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กินอาหารมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การฝึกสมาธิและทำให้จิตใจผ่อนคลายเสมอจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งผลไปยังพฤติกรรมการบริโภคด้วย