แจกตำรับยาต้านมะเร็งตับ “เบญจอำมฤตย์” ฟรี!! ที่ รพ.ยศเส อธิบดีกรมแพทย์แผนไทยเผยขอรับยาได้ทุกสิทธิการรักษา แต่ต้องให้แพทย์แผนไทยตรวจก่อน และรักษาร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เล็งเฟ้นหาอาสาสมัครทดลองรักษามะเร็งปากมดลูกอีก 44 คน
วันนี้ (3 ก.พ.) นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวแถลงข่าว “ศาสตร์การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง” ว่า จากฐานข้อมูลภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยพบว่า ตำรับยาแผนไทยที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคเรื้อรังมีจำนวน 12,428 ตำรับ จำนวนนี้เป็นตำรับยารักษาโรคมะเร็ง จำนวน 3,115 ตำรับ ซึ่งตำรับยาที่น่าสนใจ และเป็นอีกทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็งร่วมกับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน คือ สูตรยาสมุนไพรโบราณ “เบญจอำมฤตย์” ประกอบด้วย สูตรยาในคัมภีร์แพทยศาสตร์สงเคราะห์ 9 ตัว ได้แก่ มหาหิงค์ ยาดำบริสุทธิ์ รงทอง มะกรูด ขิงแห้ง ดีปลี พริกไทย รากทนดี และดีเกลือ เนื่องจากมีการศึกษาร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มาตั้งแต่ปี 2554 โดยได้ทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และหนูทดลอง พบว่า หนูมีภูมิต้านทานขึ้น มีประสิทธิภาพต้านเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ ต้านทานได้ดีกว่ามะเร็งชนิดอื่น โดยได้ผ่านการรักษาผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งใน รพ.เคียนซา และ รพ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี
นพ.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทดลองในระดับคลินิกในผู้ป่วยอาสาสมัครในโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย ยศเส โดยจัดทำเป็นยาชนิดแคปซูล เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการรักษา ซึ่งไม่เฉพาะแต่เพียงผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเท่านั้น แต่สิทธิประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ ก็สามารถมาติดต่อเพื่อขอรับยาตัวนี้ได้ฟรี แต่ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แผนไทยที่โรงพยาบาลก่อน และต้องรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันร่วมด้วย ทั้งนี้ ติดต่อได้ที่โทร.0-2224-3263
“กรมฯ ยังอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยสูตรยาแผนไทยบำบัดโรคมะเร็งปากมดลูก เรียกว่ายาสูตร N 404 โดยอยู่ระหว่างคัดเลือกอาสาสมัครจำนวน 44 คน ในการทดลองในระดับคลินิก ซึ่งอาสาสมัครจะเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งนี้ สามารถติดต่อมาได้ที่ รพ.แพทย์แผนไทย ยศเส เช่นกัน” อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวและว่า นอกจากสูตรยาดังกล่าว พืชผักของไทยก็ยังเป็นยาที่ป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ทั้งมะตูม มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ บัวบก ช่วยให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน และในประเทศบราซิล มีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก รวมไปถึงขมิ้น ก็มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สามารถทำให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งหลายชนิด ทั้งผิวหนัง ลำไส้ใหญ่ กระเพาะลำไส้เล็ก รวมไปถึงว่านหางจระเข้ ก็ยังช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้ เป็นต้น
วันนี้ (3 ก.พ.) นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวแถลงข่าว “ศาสตร์การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง” ว่า จากฐานข้อมูลภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยพบว่า ตำรับยาแผนไทยที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคเรื้อรังมีจำนวน 12,428 ตำรับ จำนวนนี้เป็นตำรับยารักษาโรคมะเร็ง จำนวน 3,115 ตำรับ ซึ่งตำรับยาที่น่าสนใจ และเป็นอีกทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็งร่วมกับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน คือ สูตรยาสมุนไพรโบราณ “เบญจอำมฤตย์” ประกอบด้วย สูตรยาในคัมภีร์แพทยศาสตร์สงเคราะห์ 9 ตัว ได้แก่ มหาหิงค์ ยาดำบริสุทธิ์ รงทอง มะกรูด ขิงแห้ง ดีปลี พริกไทย รากทนดี และดีเกลือ เนื่องจากมีการศึกษาร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มาตั้งแต่ปี 2554 โดยได้ทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และหนูทดลอง พบว่า หนูมีภูมิต้านทานขึ้น มีประสิทธิภาพต้านเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ ต้านทานได้ดีกว่ามะเร็งชนิดอื่น โดยได้ผ่านการรักษาผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งใน รพ.เคียนซา และ รพ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี
นพ.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทดลองในระดับคลินิกในผู้ป่วยอาสาสมัครในโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย ยศเส โดยจัดทำเป็นยาชนิดแคปซูล เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการรักษา ซึ่งไม่เฉพาะแต่เพียงผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเท่านั้น แต่สิทธิประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ ก็สามารถมาติดต่อเพื่อขอรับยาตัวนี้ได้ฟรี แต่ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แผนไทยที่โรงพยาบาลก่อน และต้องรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันร่วมด้วย ทั้งนี้ ติดต่อได้ที่โทร.0-2224-3263
“กรมฯ ยังอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยสูตรยาแผนไทยบำบัดโรคมะเร็งปากมดลูก เรียกว่ายาสูตร N 404 โดยอยู่ระหว่างคัดเลือกอาสาสมัครจำนวน 44 คน ในการทดลองในระดับคลินิก ซึ่งอาสาสมัครจะเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งนี้ สามารถติดต่อมาได้ที่ รพ.แพทย์แผนไทย ยศเส เช่นกัน” อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวและว่า นอกจากสูตรยาดังกล่าว พืชผักของไทยก็ยังเป็นยาที่ป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ทั้งมะตูม มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ บัวบก ช่วยให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน และในประเทศบราซิล มีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก รวมไปถึงขมิ้น ก็มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สามารถทำให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งหลายชนิด ทั้งผิวหนัง ลำไส้ใหญ่ กระเพาะลำไส้เล็ก รวมไปถึงว่านหางจระเข้ ก็ยังช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้ เป็นต้น
