สธ.สั่งเข้มป้องกันหวัดนก หลังต่างประเทศพบป่วยตายเพิ่ม ล่าสุด WHO รายงานแค่ ม.ค.57 ป่วยแล้ว 205 ราย ตาย 49 ราย เดินหน้า 5 มาตรการเฝ้าระวัง แนะเลี่ยงสัมผัสสัตว์ปีกป่วย-ตาย ล้างมือบ่อยๆ
วันนี้ (22 ม.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงข่าวโรคไข้หวัดนกชนิด เอ H7N9, H5N8 และ H10N8 ระบาดในต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 อีก 2 ราย ที่จีน เป็นชายอายุ 31 ปี และผู้สูงอายุ 77 ปี ส่วนที่เกาหลีใต้พบสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N8 ในเป็ดเลี้ยง และมีการทำลายไก่และเป็ดแล้ว 6 ล้านกว่าตัว ว่า โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดในนก ไวรัส ในกลุ่มเดียวกันที่เคยทำให้เกิดโรคในคน ได้แก่ H7N2 H7N3 H5N1 และ H7N7 สำหรับเชื้อ H7N9 ยังไม่เคยมีรายงานว่าเกิดโรคกับคน จนกระทั่งมีรายงานการระบาดในจีน ข้อมูลองค์การอนามัยโลก ณ วันที่ 20 ม.ค.รายงานผู้ป่วยทั้งหมด 205 ราย เสียชีวิต 49 ราย อายุระหว่าง 4-87 ปี
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์นี้ ส่วนใหญ่จะมีอาการปอดบวมรุนแรง โดยเริ่มจากอาการไข้ ไอ หายใจหอบ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคนติดเชื้ออย่างไร แต่จากข้อมูลผู้ป่วยพบว่า มีประวัติการสัมผัสหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีสัตว์ เช่น ตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิต นอกจากนี้ ยังตรวจพบเชื้อในนกพิราบ เป็ด และไก่ สำหรับโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N8 และ H10N8 ที่มีรายงานในประเทศเกาหลีใต้ ปัจจุบันมีรายงานการติดเชื้อเฉพาะในสัตว์ปีก ยังไม่มีรายงานในคน
“ที่ผ่านมาไทยพบสัตว์ปีกและคนติดเชื้อ H5N1 ส่วนสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบในต่างประเทศ ยังไม่เคยมีรายงานมาก่อน การป้องกัน สธ.ได้ให้กรมควบคุมโรค (คร.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ ดำเนินการ 5 มาตรการ ดังนี้ 1.เร่งรัดการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในพื้นที่ทั้งในคนและในสัตว์ 2.หากมีผู้ป่วยสงสัย ให้ดำเนินการสอบสวนโรคและเก็บตัวอย่างส่งตรวจเพื่อหาสาเหตุ และตรวจสอบว่ามีประวัติเสี่ยงหรือไม่ 3.ขอความร่วมมือจาก อสม. และประสานงานปศุสัตว์จังหวัดและหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชในพื้นที่ ทำการเฝ้าระวังการป่วยตายผิดปกติของสัตว์ปีกที่เลี้ยง และในนกธรรมชาติ 4.แจ้งเตือนบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาล ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล และ 5.ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำแก่ผู้เดินทางไปพื้นที่มีรายงานผู้ป่วยหรือสัตว์ปีกติดเชื้อ และประชาชนทั่วไปในเรื่องการป้องกันโรค” ปลัด สธ.กล่าว
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสไข้หวัดนกในคนทุกสายพันธุ์ จึงขอให้ประชาชนป้องกันตนเองโดยมีวิธีปฏิบัติที่จะสามารถป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกได้ คือ 1.ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ก่อนและหลังปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังจากดูแลสัตว์หรือหลังการดูแลผู้ป่วย 2.ปิดปากและจมูกเวลาไอ หรือผ้าเช็ดหน้า หรือแขนเสื้อ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด 3.สามารถรับประทานไก่เป็ดได้อย่างปลอดภัย แต่ต้องระมัดระวังการชำแหละ และต้องปรุงให้สุก สำหรับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือป่วยตายไม่ควรนำมารับประทาน 4.หากไปตลาดสด ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีชีวิต รวมทั้งอุปกรณ์ที่บรรจุสัตว์ หากทำฟาร์มสัตว์ ให้เลี้ยงสัตว์แต่ละชนิดห่างจากกัน และไม่ให้เด็กเข้าใกล้สัตว์ป่วย หากพบซากสัตว์ปีก ให้แจ้ง อสม.ทันที และหากมีสัตว์ปีกตายผิดปกติ ให้รายงานเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดระบาดของโรค และทำลายซากสัตว์ปีกอย่างถูกวิธีโดยเร็วที่สุด
นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า 5.สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศที่มีการระบาดของโรค ยังสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ แต่ขอให้ระมัดระวัง ไม่เข้าใกล้สัตว์ปีก และล้างมือบ่อยๆ 6.หากมีไข้ ไอ เจ็บคอหอบเหนื่อย และมีประวัติสัมผัสกับสัตว์ปีกให้สวมหน้ากากอนามัย แล้วรีบไปพบแพทย์ ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก รายงานยืนยันล่าสุดใน ม.ค. 2557 ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ทั้งหมด 205 ราย เสียชีวิต 49 ราย ส่วน H5N8 และ H10N8 มีเฉพาะในสัตว์ปีกยังไม่มีรายงานในคน
วันนี้ (22 ม.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงข่าวโรคไข้หวัดนกชนิด เอ H7N9, H5N8 และ H10N8 ระบาดในต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 อีก 2 ราย ที่จีน เป็นชายอายุ 31 ปี และผู้สูงอายุ 77 ปี ส่วนที่เกาหลีใต้พบสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N8 ในเป็ดเลี้ยง และมีการทำลายไก่และเป็ดแล้ว 6 ล้านกว่าตัว ว่า โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดในนก ไวรัส ในกลุ่มเดียวกันที่เคยทำให้เกิดโรคในคน ได้แก่ H7N2 H7N3 H5N1 และ H7N7 สำหรับเชื้อ H7N9 ยังไม่เคยมีรายงานว่าเกิดโรคกับคน จนกระทั่งมีรายงานการระบาดในจีน ข้อมูลองค์การอนามัยโลก ณ วันที่ 20 ม.ค.รายงานผู้ป่วยทั้งหมด 205 ราย เสียชีวิต 49 ราย อายุระหว่าง 4-87 ปี
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์นี้ ส่วนใหญ่จะมีอาการปอดบวมรุนแรง โดยเริ่มจากอาการไข้ ไอ หายใจหอบ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคนติดเชื้ออย่างไร แต่จากข้อมูลผู้ป่วยพบว่า มีประวัติการสัมผัสหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีสัตว์ เช่น ตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิต นอกจากนี้ ยังตรวจพบเชื้อในนกพิราบ เป็ด และไก่ สำหรับโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N8 และ H10N8 ที่มีรายงานในประเทศเกาหลีใต้ ปัจจุบันมีรายงานการติดเชื้อเฉพาะในสัตว์ปีก ยังไม่มีรายงานในคน
“ที่ผ่านมาไทยพบสัตว์ปีกและคนติดเชื้อ H5N1 ส่วนสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบในต่างประเทศ ยังไม่เคยมีรายงานมาก่อน การป้องกัน สธ.ได้ให้กรมควบคุมโรค (คร.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ ดำเนินการ 5 มาตรการ ดังนี้ 1.เร่งรัดการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในพื้นที่ทั้งในคนและในสัตว์ 2.หากมีผู้ป่วยสงสัย ให้ดำเนินการสอบสวนโรคและเก็บตัวอย่างส่งตรวจเพื่อหาสาเหตุ และตรวจสอบว่ามีประวัติเสี่ยงหรือไม่ 3.ขอความร่วมมือจาก อสม. และประสานงานปศุสัตว์จังหวัดและหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชในพื้นที่ ทำการเฝ้าระวังการป่วยตายผิดปกติของสัตว์ปีกที่เลี้ยง และในนกธรรมชาติ 4.แจ้งเตือนบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาล ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล และ 5.ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำแก่ผู้เดินทางไปพื้นที่มีรายงานผู้ป่วยหรือสัตว์ปีกติดเชื้อ และประชาชนทั่วไปในเรื่องการป้องกันโรค” ปลัด สธ.กล่าว
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสไข้หวัดนกในคนทุกสายพันธุ์ จึงขอให้ประชาชนป้องกันตนเองโดยมีวิธีปฏิบัติที่จะสามารถป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกได้ คือ 1.ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ก่อนและหลังปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังจากดูแลสัตว์หรือหลังการดูแลผู้ป่วย 2.ปิดปากและจมูกเวลาไอ หรือผ้าเช็ดหน้า หรือแขนเสื้อ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด 3.สามารถรับประทานไก่เป็ดได้อย่างปลอดภัย แต่ต้องระมัดระวังการชำแหละ และต้องปรุงให้สุก สำหรับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือป่วยตายไม่ควรนำมารับประทาน 4.หากไปตลาดสด ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีชีวิต รวมทั้งอุปกรณ์ที่บรรจุสัตว์ หากทำฟาร์มสัตว์ ให้เลี้ยงสัตว์แต่ละชนิดห่างจากกัน และไม่ให้เด็กเข้าใกล้สัตว์ป่วย หากพบซากสัตว์ปีก ให้แจ้ง อสม.ทันที และหากมีสัตว์ปีกตายผิดปกติ ให้รายงานเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดระบาดของโรค และทำลายซากสัตว์ปีกอย่างถูกวิธีโดยเร็วที่สุด
นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า 5.สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศที่มีการระบาดของโรค ยังสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ แต่ขอให้ระมัดระวัง ไม่เข้าใกล้สัตว์ปีก และล้างมือบ่อยๆ 6.หากมีไข้ ไอ เจ็บคอหอบเหนื่อย และมีประวัติสัมผัสกับสัตว์ปีกให้สวมหน้ากากอนามัย แล้วรีบไปพบแพทย์ ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก รายงานยืนยันล่าสุดใน ม.ค. 2557 ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ทั้งหมด 205 ราย เสียชีวิต 49 ราย ส่วน H5N8 และ H10N8 มีเฉพาะในสัตว์ปีกยังไม่มีรายงานในคน