อนุกลั่นกรอง 1 อ.1 ทุน เสนอจัดสรรทุนรุ่น 4 ที่เหลือ 1,615 ทุนโดยเน้นเด็ก 3 กลุ่ม ได้แก่ เรียนดี-อาชีวะ-ความสามารถเฉพาะทาง โดยกลุ่มสุดท้ายไม่จำกัดรายได้ครอบครัว ขณะที่เล็งลดเกณฑ์ขั้นต่ำ 50-60% จาก 70% พร้อมมอบสำนักนิติการ ไปดูกฎหมายภายใต้รัฐบาลรักษาการสามารถคัดรอบ 3 รุ่น 4 ได้หรือต้องเริ่มทำรุ่น 5 กงชงบอร์ดใหญ่พิจารณา
วันนี้ (12 ธ.ค.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะกรรมการโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลการดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นปัจจุบัน โดยพบว่าการให้ทุนจำเป็นต้องยึดโยงไปที่วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของโครงการฯ ที่เน้นให้โอกาสแก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกล
เพราะฉะนั้น การพิจารณาจัดสรรทุนในส่วนที่เหลือจากรุ่นที่ 4 รอบ 2 จำนวน 1,615 ทุนนั้นต้องเน้นที่เด็กกลุ่มนี้เป็นหลัก แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 จัดสรรให้เด็กที่เรียนดีแต่ยากจนในอำเภอที่ยังไม่มีเด็กสอบผ่าน ซึ่งเหลือประมาณ 600 กว่าอำเภอ จาก 928 อำเภอ ส่วนกลุ่มที่ 2 จะจัดสรรให้แก่เด็กอาชีวศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาตรีสายปฏิบัติการ ในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ โดยจะจัดสรรให้แก่เด็กในระดับ ปวช. จังหวัดละ 3 ทุน รวมเป็น 221 ทุน และในระดับ ปวส.อีก 30 ทุน รวมเป็น 251 ทุน อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติของเด็กที่จะสมัครขอรับทุน ต้องมีรายได้ของครอบครัวไม่เกิน 2 แสนบาท และได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.75 และกลุ่มที่ 3 จัดสรรให้แก่เด็กที่มีความสามารถเฉพาะทาง 7 ด้าน อาทิ ดนตรี ศิลปะ ภาษา กีฬา เป็นต้น โดยไม่จำกัดรายได้ของครอบครัว ส่วนจะจัดสรรให้กี่ทุนนั้นจะต้องมีการหารือกันต่อไป
“ที่ประชุมยังได้หารือถึงเกณฑ์การสอบคัดเลือกที่เดิมกำหนดว่าผู้สอบจะต้องผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำทุกวิชาที่ 70% โดยที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าอาจจะลดลงเหลือประมาณ 50-60% และมาเพิ่มการเตรียมความพร้อมให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งที่ประชุมมองว่าควรเตรียมความพร้อมอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ทั้งนี้ 3 แนวทางดังกล่าวในการจัดสรรทุนที่เหลือของรุ่นที่ 4 นั้น จะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนที่มี รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป” ปลัด ศธ.กล่าว
นางสุทธศรี กล่าวต่อว่า ส่วนทุนที่เหลือจะเป็นรุ่นที่ 5 หรือรุ่นที่ 4 รอบ 3 นั้น ที่ประชุมได้มอบให้สำนักนิติการ สำนักงานปลัด ศธ.ไปพิจารณาข้อกฎหมายว่ารัฐบาลรักษาการจะสามารถอนุมัติการจัดสรรทุนได้มากน้อยเพียงใด แต่ส่วนตัวอยากให้จัดสรรทุนเป็นรุ่นที่ 4 รอบ 3 ก่อนจึงจะเริ่มรุ่นต่อไป
วันนี้ (12 ธ.ค.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะกรรมการโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลการดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นปัจจุบัน โดยพบว่าการให้ทุนจำเป็นต้องยึดโยงไปที่วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของโครงการฯ ที่เน้นให้โอกาสแก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกล
เพราะฉะนั้น การพิจารณาจัดสรรทุนในส่วนที่เหลือจากรุ่นที่ 4 รอบ 2 จำนวน 1,615 ทุนนั้นต้องเน้นที่เด็กกลุ่มนี้เป็นหลัก แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 จัดสรรให้เด็กที่เรียนดีแต่ยากจนในอำเภอที่ยังไม่มีเด็กสอบผ่าน ซึ่งเหลือประมาณ 600 กว่าอำเภอ จาก 928 อำเภอ ส่วนกลุ่มที่ 2 จะจัดสรรให้แก่เด็กอาชีวศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาตรีสายปฏิบัติการ ในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ โดยจะจัดสรรให้แก่เด็กในระดับ ปวช. จังหวัดละ 3 ทุน รวมเป็น 221 ทุน และในระดับ ปวส.อีก 30 ทุน รวมเป็น 251 ทุน อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติของเด็กที่จะสมัครขอรับทุน ต้องมีรายได้ของครอบครัวไม่เกิน 2 แสนบาท และได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.75 และกลุ่มที่ 3 จัดสรรให้แก่เด็กที่มีความสามารถเฉพาะทาง 7 ด้าน อาทิ ดนตรี ศิลปะ ภาษา กีฬา เป็นต้น โดยไม่จำกัดรายได้ของครอบครัว ส่วนจะจัดสรรให้กี่ทุนนั้นจะต้องมีการหารือกันต่อไป
“ที่ประชุมยังได้หารือถึงเกณฑ์การสอบคัดเลือกที่เดิมกำหนดว่าผู้สอบจะต้องผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำทุกวิชาที่ 70% โดยที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าอาจจะลดลงเหลือประมาณ 50-60% และมาเพิ่มการเตรียมความพร้อมให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งที่ประชุมมองว่าควรเตรียมความพร้อมอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ทั้งนี้ 3 แนวทางดังกล่าวในการจัดสรรทุนที่เหลือของรุ่นที่ 4 นั้น จะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนที่มี รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป” ปลัด ศธ.กล่าว
นางสุทธศรี กล่าวต่อว่า ส่วนทุนที่เหลือจะเป็นรุ่นที่ 5 หรือรุ่นที่ 4 รอบ 3 นั้น ที่ประชุมได้มอบให้สำนักนิติการ สำนักงานปลัด ศธ.ไปพิจารณาข้อกฎหมายว่ารัฐบาลรักษาการจะสามารถอนุมัติการจัดสรรทุนได้มากน้อยเพียงใด แต่ส่วนตัวอยากให้จัดสรรทุนเป็นรุ่นที่ 4 รอบ 3 ก่อนจึงจะเริ่มรุ่นต่อไป
