กรมศิลป์ตะลึงท่าเรือโบราณอายุ 1,000 ปี ที่สมุทรสาคร พบหลักฐานเครื่องถ้วยแอมฟอร์รา ชี้ชัดเคยมีเรือชาวกรีก-โรมัน เดินเรือผ่านมาแถบนี้ มอบเงิน 7 แสนบาท ขุดค้นเป็นแหล่งความรู้เส้นทางเดินเรือโบราณ
วันนี้ (10 ธ.ค.)นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวภายหลังนายปรีชา กันธิยะ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นำผู้บริหารลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า กรมศิลปากรได้ลงพื้นที่ท่าเรือโบราณอายุ 1,000 ปี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ วัดวิสุทธิจินดาราม ต.พันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร ต่อมาสมัยอยุธยาเป็นเส้นทางเดินเรือของพันท้ายนรสิงห์มาหยุดพัก สภาพปัจจุบันเป็นแหล่งเรือจมโบราณที่จมอยู่ใต้โคลนเลนของนากุ้ง อย่างไีก็ตาม ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นท่าเรือสำคัญมีเรือขนส่งสินค้า เนื่องจากนักโบราณคดีได้พบชิ้นส่วนโบราณวัตถุจำนวนมาก อาทิ เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถัง แสดงเห็นว่ามีเรือขนส่งสินค้าของจีนมาตั้งอยู่บริเวณนี้
“สิ่งที่ประหลาดใจก็คือพบเครื่องถ้วยโบราณที่เรียกว่า Amphara หรือ แอมฟอร์รา เป็นเครื่องใช้ของชาวกรีก-โรมัน พบยากมากในแถบนี้โดยเฉพาะประเทศไทย การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นการค้นพบครั้งแรกในประเทศไทย ส่วนใหญ่เราจะพบแต่เครื่องถ้วยของจีนเท่านั้น ดังนั้นเครื่องถ้วยแอมฟอร์ราจึงเป็นหลักฐานแสดงว่าท่าเรือโบราณแห่งนี้เมื่อ 1,000 ปีก่อน ได้มีเรือของชาวโรมัน ชาวยุโรป หรือเอเชียตะวันออก อย่างตุรกี เดินเรือผ่านมาทางนี้ นอกจากนี้ยังได้ค้นพบเสากระโดงเรือกับคานที่ทับกระดูกงูเรือ” นายเอนก กล่าว
นอกจากนี้ยังได้เสากระโดงเรือมีความยาว 13-14 ม.หากตั้งสูงขึ้นจะมีความสูงเท่ากับตึก 3 ชั้น และเชือกแช่น้ำอยู่ สันนิษฐานเรือของชาวกรีก-โรมัน น่าจะมีขนาดใหญ่มาก รวมถึงพบรอกชักใบเรือ ภาชนะดินเผาที่เขียนด้วยภาษาอาหรับโบราณ ก้อนหมาก กระดูกปลา หอย เป็นของกินบนเรือ หินบดยาสมัยทวารวดีอายุประมาณ 1,000 ปีด้วย
สำหรับโบราณวัตถุที่เป็นหลักฐานสำคัญทั้งหมดได้เก็บรักษาไว้ที่วัดวิสุทธิจินดารามแล้ว ตนจึงได้อนุมัติงบประมาณ 700,000 บาท ให้กับสำนักศิลปากรพื้นที่ 1 ราชบุรี เพื่อเร่งทำการขุดค้นซากเรือใต้โคลนเลน และสืบค้นเรื่องราวต่างๆ อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ท่าเรือจมโบราณแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเส้นทางเดินเรือโบราณ เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดสมุทรสาครต่อไป
วันนี้ (10 ธ.ค.)นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวภายหลังนายปรีชา กันธิยะ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นำผู้บริหารลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า กรมศิลปากรได้ลงพื้นที่ท่าเรือโบราณอายุ 1,000 ปี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ วัดวิสุทธิจินดาราม ต.พันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร ต่อมาสมัยอยุธยาเป็นเส้นทางเดินเรือของพันท้ายนรสิงห์มาหยุดพัก สภาพปัจจุบันเป็นแหล่งเรือจมโบราณที่จมอยู่ใต้โคลนเลนของนากุ้ง อย่างไีก็ตาม ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นท่าเรือสำคัญมีเรือขนส่งสินค้า เนื่องจากนักโบราณคดีได้พบชิ้นส่วนโบราณวัตถุจำนวนมาก อาทิ เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถัง แสดงเห็นว่ามีเรือขนส่งสินค้าของจีนมาตั้งอยู่บริเวณนี้
“สิ่งที่ประหลาดใจก็คือพบเครื่องถ้วยโบราณที่เรียกว่า Amphara หรือ แอมฟอร์รา เป็นเครื่องใช้ของชาวกรีก-โรมัน พบยากมากในแถบนี้โดยเฉพาะประเทศไทย การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นการค้นพบครั้งแรกในประเทศไทย ส่วนใหญ่เราจะพบแต่เครื่องถ้วยของจีนเท่านั้น ดังนั้นเครื่องถ้วยแอมฟอร์ราจึงเป็นหลักฐานแสดงว่าท่าเรือโบราณแห่งนี้เมื่อ 1,000 ปีก่อน ได้มีเรือของชาวโรมัน ชาวยุโรป หรือเอเชียตะวันออก อย่างตุรกี เดินเรือผ่านมาทางนี้ นอกจากนี้ยังได้ค้นพบเสากระโดงเรือกับคานที่ทับกระดูกงูเรือ” นายเอนก กล่าว
นอกจากนี้ยังได้เสากระโดงเรือมีความยาว 13-14 ม.หากตั้งสูงขึ้นจะมีความสูงเท่ากับตึก 3 ชั้น และเชือกแช่น้ำอยู่ สันนิษฐานเรือของชาวกรีก-โรมัน น่าจะมีขนาดใหญ่มาก รวมถึงพบรอกชักใบเรือ ภาชนะดินเผาที่เขียนด้วยภาษาอาหรับโบราณ ก้อนหมาก กระดูกปลา หอย เป็นของกินบนเรือ หินบดยาสมัยทวารวดีอายุประมาณ 1,000 ปีด้วย
สำหรับโบราณวัตถุที่เป็นหลักฐานสำคัญทั้งหมดได้เก็บรักษาไว้ที่วัดวิสุทธิจินดารามแล้ว ตนจึงได้อนุมัติงบประมาณ 700,000 บาท ให้กับสำนักศิลปากรพื้นที่ 1 ราชบุรี เพื่อเร่งทำการขุดค้นซากเรือใต้โคลนเลน และสืบค้นเรื่องราวต่างๆ อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ท่าเรือจมโบราณแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเส้นทางเดินเรือโบราณ เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดสมุทรสาครต่อไป