อธิบดีกรมการจัดหางาน เผยคนไทย 6 พันคน ลักลอบเข้าไปทำงานในญี่ปุ่นหลังเปิดฟรีวีซ่า ชี้มีบุคคลบางกลุ่มแอบอ้างเป็นนายหน้าเรียกเงินคนละ 3 แสนบาท ส่งเจ้าหน้าที่เคาะประตูบ้านเตือน แจงไปทำงานญี่ปุ่นมีแค่ 3 วิธี แอบไปทำงานโทษปรับกว่า 9 แสน ไม่มีจ่ายต้องติดคุก
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นยกเลิกการออกวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คนไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วัน โดยใช้เพียงหนังสือเดินทางเท่านั้น ล่าสุดจากการตรวจสอบข้อมูลของ กกจ.พบว่ามีคนไทยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวลักลอบเข้าไปทำงานในญี่ปุ่นแล้วประมาณ 6 พันคนโดยในจำนวนนี้เดินทางไปตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กว่า 3,400 คน และปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างเป็นนายหน้า หรือบริษัทจัดหางานเถื่อนได้มีการหลอกลวงชักชวนคนไทยลักลอบเข้าไปทำงานในญี่ปุ่นโดยเรียกค่าใช้จ่ายคนละ 3 แสนบาท
อธิบดี กกจ.กล่าวอีกว่า กกจ.ได้แก้ปัญหาด้วยการให้เจ้าหน้าที่สำนักจัดงานจัดหางานจังหวัดในจังหวัดต่างๆ ลงพื้นที่ไปเคาะประตูบ้านเพื่อให้ข้อมูล และทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่า การแอบอ้างดังกล่าวเป็นการหลอกลวงเพราะการไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นมีเพียง 3 วิธีเท่านั้น คือ การฝึกงานตามโครงการฝึกงานในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศญี่ปุ่น (ไอเอ็ม) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กกจ.กับญี่ปุ่น การไปทำงานผ่านองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจะประเทศไทย (เจโทร) และผ่านนายจ้างญี่ปุ่นซึ่งพาแรงงานไทยไปทำงานเอง
“ขณะนี้ กกจ.ได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและญี่ปุ่นตรวจสอบและแก้ปัญหาในเรื่องคนไทยลักลอบเข้าไปทำงานที่ญี่ปุ่นแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอเตือนคนไทยว่าอย่าหลงเชื่อกลุ่มผู้แอบอ้างเพราะการลักลอบเข้าไปทำงานญี่ปุ่นโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวนั้นจะมีโทษปรับเป็นเงิน 3 ล้านเยนหรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 9 แสนบาท หากไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ จะต้องมีโทษติดคุก หลังจากนั้นถูกส่งตัวกลับประเทศไทยและขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศญี่ปุ่น” นายประวิทย์ กล่าว
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นยกเลิกการออกวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คนไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วัน โดยใช้เพียงหนังสือเดินทางเท่านั้น ล่าสุดจากการตรวจสอบข้อมูลของ กกจ.พบว่ามีคนไทยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวลักลอบเข้าไปทำงานในญี่ปุ่นแล้วประมาณ 6 พันคนโดยในจำนวนนี้เดินทางไปตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กว่า 3,400 คน และปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างเป็นนายหน้า หรือบริษัทจัดหางานเถื่อนได้มีการหลอกลวงชักชวนคนไทยลักลอบเข้าไปทำงานในญี่ปุ่นโดยเรียกค่าใช้จ่ายคนละ 3 แสนบาท
อธิบดี กกจ.กล่าวอีกว่า กกจ.ได้แก้ปัญหาด้วยการให้เจ้าหน้าที่สำนักจัดงานจัดหางานจังหวัดในจังหวัดต่างๆ ลงพื้นที่ไปเคาะประตูบ้านเพื่อให้ข้อมูล และทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่า การแอบอ้างดังกล่าวเป็นการหลอกลวงเพราะการไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นมีเพียง 3 วิธีเท่านั้น คือ การฝึกงานตามโครงการฝึกงานในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศญี่ปุ่น (ไอเอ็ม) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กกจ.กับญี่ปุ่น การไปทำงานผ่านองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจะประเทศไทย (เจโทร) และผ่านนายจ้างญี่ปุ่นซึ่งพาแรงงานไทยไปทำงานเอง
“ขณะนี้ กกจ.ได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและญี่ปุ่นตรวจสอบและแก้ปัญหาในเรื่องคนไทยลักลอบเข้าไปทำงานที่ญี่ปุ่นแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอเตือนคนไทยว่าอย่าหลงเชื่อกลุ่มผู้แอบอ้างเพราะการลักลอบเข้าไปทำงานญี่ปุ่นโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวนั้นจะมีโทษปรับเป็นเงิน 3 ล้านเยนหรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 9 แสนบาท หากไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ จะต้องมีโทษติดคุก หลังจากนั้นถูกส่งตัวกลับประเทศไทยและขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศญี่ปุ่น” นายประวิทย์ กล่าว