“สนธิ” นำผู้บริหารและพนักงานเครือเอเอสทีวีผู้จัดการเข้าสักการะพระศพ “สมเด็จพระสังฆราช” เชื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพราะได้รับเคราะห์ของชาติบ้านเมืองและพระราชวงศ์ไปทั้งหมด ถือเป็นคุณูปการให้ชาติบ้านเมือง ระบุทรงเป็นพระสังฆราชในดวงใจของคนไทยทุกคน และคนไทยจะไม่มีวันลืมพระองค์
วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เอเอสทีวีผู้จัดการ นำนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ผู้บริหารและพนักงานเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ เข้าสักการะพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ภายหลังการบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพในช่วงเช้า
นายสนธิ กล่าวว่า ตนมีความผูกพันกับสมเด็จพระสังฆราชใน 2 ประการ คือ 1. ตนเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ซึ่งท่านแนะนำให้ตนลุกขึ้นมาต่อสู้ในยุคที่ท่านประชวร โดยสมัยนั้นมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีการตั้งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเสมือนการลบหลู่พระเกียรติของพระองค์ และ 2. พี่ชายของตน คือ นพ.ศักดิ์ชัย ลิ้มทองกุล อดีตรองผู้อำนวยการ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และเป็นหนึ่งในคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระสังฆราชมานานแล้ว ตนจึงมีความผูกพันมาก และมีโอกาสได้ไปกราบพระองค์ท่านที่ตำหนักหลายครั้ง
“ขณะที่พระองค์ประชวรและพูดไม่ได้ แต่ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่พระองค์มองออกมาว่ามีเมตตามาก ซึ่งการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ถ้ามองในทางธรรม พระองค์คงเข้าสู่พระนิพพาน และเชื่อว่าคงเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ถ้ามองอีกรูปแบบหนึ่งพระองค์เป็นพระที่เสียสละให้ชาติบ้านเมืองอย่างสูง เหตุผลเพราะเชื่อว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ไปเพราะได้รับเคราะห์ชาติบ้านเมืองไปทั้งหมด ตลอดจนเคราะห์ที่ราชวงศ์จักรีโดนผู้ไม่หวังดีกระทำ พระองค์คงจะรับไปด้วย เพราะฉะนั้น การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ถือว่าเป็นคุณูปการให้แก่ชาติบ้านเมืองจริงๆ และพระองค์รู้ว่าจะไปเมื่อไรและไปอย่างไร นี่คือความรู้สึกของผม พระองค์เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่อยู่ในใจของผม และเชื่อว่าคนไทยทุกคนจะไม่มีวันลืมสมเด็จญาณฯ พระองค์จะเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่อยู่ในใจคนไทยตลอดไป” นายสนธิกล่าว
สำหรับบรรยากาศพิธีบำเพ็ญพระกุศลพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันที่ 6 ยังคงมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมฟังสวดพุทธมนต์แต่เช้า และเฝ้ารอเข้าสักการะพระศพสมเด็จพระสังฆราชบริเวณโดยรอบพระตำหนักเพ็ชรอย่างเนืองแน่นเหมือนเช่นทุกวัน
