สอศ.ย้ำจุดยืนมีหน้าที่ให้ความรู้เด็ก กำชับวิทยาลัยต้องปลอดการเมือง ระบุเด็กช่างร่วมชุมนุมเป็นศิษย์เก่า
วันนี้ (15 ต.ค.) นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 28 แห่ง ว่า ที่ประชุมได้แสดงความห่วงใยเรื่องการที่มีนักศึกษาไปร่วมชุมนุมทางการเมืองกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพ โดยไม่ผิดกฎหมาย และสามารถไปร่วมชุมนุมได้ตามระบอบรัฐธรรมนูญโดยปราศจากอาวุธ แต่สิ่งที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีความห่วงใยคือ ภาพลักษณ์ของสถาบันอาชีวศึกษา ที่ไปเข้าร่วมการเมืองโดยการนำชื่อไปใช้ในการชุมนุม ซึ่งตนได้มอบหมายให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาเข้าไปดูแล้วว่าจะกระทบกับภาพลักษณ์ของวิทยาลัยหรือไม่ รวมถึงความปลอดภัยของเด็กอาชีวศึกษา เพราะหากไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมายก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็กเองได้ ซึ่งแต่ละวิทยาลัยจะต้องไปทำความเข้าใจและดูแลลูกศิษย์ของตนเองให้ดี
นอกจากนี้ วิทยาลัยอาชีวศึกษาแต่ละแห่งได้ส่งครูเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่การชุมนุมดังกล่าวด้วย ซึ่งพบว่า มีการขึ้นป้ายสถาบันอาชีวศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชน และบุคคลที่ไปร่วมชุมนุมไม่ใช่นักศึกษาปัจจุบัน แต่เป็นศิษย์เก่า ขณะเดียวกันยังพบว่ามีรุ่นพี่เข้าไปชักชวนถึงในวิทยาลัย แต่เด็กก็ไม่ได้มาเข้าร่วมชุมนุมด้วย ทั้งนี้ แต่ละวิทยาลัยจะต้องมีมาตรการดูแลเด็กกลุ่มที่ขาดเรียนบ่อยด้วย โดยการเฝ้าระวังว่าสาเหตุที่เด็กขาดเรียนมาจากสิ่งใด เช่น มีปัญหาทางการเรียน หรือการเข้าไปร่วมชุมนุมทางการเมือง เป็นต้น และครูต้องติดตามให้เด็กกลับมาเรียนอย่างสม่ำเสมอด้วย
“ได้กำชับไปยังวิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกแห่งว่า บทบาทชัดเจนของอาชีวศึกษา คือการทำหน้าที่ให้การศึกษาให้แก่เด็ก และการทำหน้าที่ของครูจะต้องไม่เกินบทบทของการเป็นครู ดังนั้นเรื่องการเมืองจึงไม่ใช่หน้าที่ของอาชีวศึกษา และอาชีวศึกษาจะต้องปลอดจากการเมือง” นายชัยพฤกษ์ กล่าว
วันนี้ (15 ต.ค.) นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 28 แห่ง ว่า ที่ประชุมได้แสดงความห่วงใยเรื่องการที่มีนักศึกษาไปร่วมชุมนุมทางการเมืองกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพ โดยไม่ผิดกฎหมาย และสามารถไปร่วมชุมนุมได้ตามระบอบรัฐธรรมนูญโดยปราศจากอาวุธ แต่สิ่งที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีความห่วงใยคือ ภาพลักษณ์ของสถาบันอาชีวศึกษา ที่ไปเข้าร่วมการเมืองโดยการนำชื่อไปใช้ในการชุมนุม ซึ่งตนได้มอบหมายให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาเข้าไปดูแล้วว่าจะกระทบกับภาพลักษณ์ของวิทยาลัยหรือไม่ รวมถึงความปลอดภัยของเด็กอาชีวศึกษา เพราะหากไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมายก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็กเองได้ ซึ่งแต่ละวิทยาลัยจะต้องไปทำความเข้าใจและดูแลลูกศิษย์ของตนเองให้ดี
นอกจากนี้ วิทยาลัยอาชีวศึกษาแต่ละแห่งได้ส่งครูเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่การชุมนุมดังกล่าวด้วย ซึ่งพบว่า มีการขึ้นป้ายสถาบันอาชีวศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชน และบุคคลที่ไปร่วมชุมนุมไม่ใช่นักศึกษาปัจจุบัน แต่เป็นศิษย์เก่า ขณะเดียวกันยังพบว่ามีรุ่นพี่เข้าไปชักชวนถึงในวิทยาลัย แต่เด็กก็ไม่ได้มาเข้าร่วมชุมนุมด้วย ทั้งนี้ แต่ละวิทยาลัยจะต้องมีมาตรการดูแลเด็กกลุ่มที่ขาดเรียนบ่อยด้วย โดยการเฝ้าระวังว่าสาเหตุที่เด็กขาดเรียนมาจากสิ่งใด เช่น มีปัญหาทางการเรียน หรือการเข้าไปร่วมชุมนุมทางการเมือง เป็นต้น และครูต้องติดตามให้เด็กกลับมาเรียนอย่างสม่ำเสมอด้วย
“ได้กำชับไปยังวิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกแห่งว่า บทบาทชัดเจนของอาชีวศึกษา คือการทำหน้าที่ให้การศึกษาให้แก่เด็ก และการทำหน้าที่ของครูจะต้องไม่เกินบทบทของการเป็นครู ดังนั้นเรื่องการเมืองจึงไม่ใช่หน้าที่ของอาชีวศึกษา และอาชีวศึกษาจะต้องปลอดจากการเมือง” นายชัยพฤกษ์ กล่าว