“ชายหมู” รุดหน้าตรวจน้ำนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังยันมั่นใจศักยภาพ ด้านผู้อำนวยการเสนอ กทม.เร่งขยายคลองเพื่อระบายน้ำ ขอให้เปิดประตูระบายน้ำสำพันธ์กับมวลน้ำยืนยันระดับน้ำยังไม่น่าห่วง
วันนี้ (11 ต.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง พร้อมลงพื้นที่ตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมบริเวณคลองบึงบัว ซึ่งเป็นคลองรับน้ำในบริเวณนิคมฯ สำหรับการเตรียมการป้องกันน้ำท่วม ทางนิคมฯ ได้ปักเข็มเสริมความมั่นคงของแนวคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันการสไลด์ของดินรอบนิคมฯ เป็นระยะทาง 17 กม.มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 9 จุด สามารถระบายน้ำได้ 50,500 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและแก้ไขน้ำท่วม เฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง มีการตรวจระดับน้ำวันละ 3 เวลา และระบบเตือนภัยโดยการใช้สัญลักษณ์ธงแดงและส่งข้อความเอสเอ็มเอส เตือนผู้ประกอบการกรณีเกิดเหตุน้ำท่วม
นายรณชัย ขำภิบาล ผู้อำนวยการสำนักการนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกรบังอยู่ที่ 0.6 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ระดับน้ำภายนอกนิคมอุตสาหกรรมที่บริเวณคลองลำแตงโมอยู่ที่ 0.70 ม.รทก.อย่างไรก็ตามนิคมอุตสาหกรรมลาดกรบังกำลังมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนแนวคันกั้นน้ำจากเดิมที่เป็นเขื่อนดินมีความสูง 1.20 เมตร ให้เป็นแนวคันกั้นน้ำแบบคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมดพร้อมทั้งเพิ่มความสูงเป็น 2.25 เมตร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับเหมาและคาดว่าประมาณกลางปี 57 จะเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามจากที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำมาตลอดนั้นยังพบว่าไม่เป็นห่วงเหมือนกับปี 54
นายรณชัย กล่าวต่อว่า ทางนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังยังมีจุดที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ 3 จุด คือบริเวณคลองลำตาเสือ คลองลำก่อไผ่ และคลองบึงบัว โดยเฉพาะคลองบึงบัวจะเป็นจุดที่ต้องระบายน้ำออกไปยังคลองประเวศบุรีรมย์เพื่อให้ไหลออกสู่ทะเล ดังนั้นจึงอยากเสนอให้กทม.เร่งกำจัดวัชพืชบริเวณคลองลำตาเสือที่ไหลมาจากทางตอนบนของคลอง และขยายคลองลำชวดเตยที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับคลองลำตาเสือซึ่งเป็นคลองที่อยู่ด้านทิศใต้ให้มีขนาดกว้างขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ อย่างไรก็ตามตนยังมีความเป็นห่วงน้ำที่จะไหลมากจากคลอง 13 โดยจะเข้ามายังคลองประเวศบุรีรมย์ จึงอยากเสนอให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำให้มีความสัมพันธ์กับน้ำที่จะไหลผ่านด้วย
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตนมีความห่วงใยในพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศมาโดยตลอด และในการมาตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ทำให้มั่นใจนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังมีศักยภาพในการป้องกันน้ำที่ดีพอ อย่างไรก็ตาม กทม.กับนิคมอุตสาหกรรมยังมีอีกหลายประการที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันน้ำท่วม และสำหรับข้อเสนอดังกล่าวตนได้มอบหมายให้กับทางสำนักการระบายน้ำ (สนน.) เป็นผู้ดูแลต่อไป ส่วนสถานการณ์การน้ำในปีนี้นั้นยังยืนยันว่าไม่มีความใกล้เคียงกับปี 54 แต่อาจจะมีประชาชนที่อาศัยอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำได้รับความเดือดร้อนบ้าง ทางกทม.เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพร้อมที่จะดำเนินแก้ไขปัญหาให้อย่างรวดเร็ว
