กรมศิลป์ขาดช่างฝีมืออนุรักษ์-จิตรกรรมหนัก หลังมีขรก.เกษียณอื้อ เร่งนำเงินกองทุนโบราณคดีจ้างต่อ ขออัตราเกษียณคืน เปิดโอกาสให้นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากรมาช่วยงาน
นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ปีนี้มีข้าราชการของกรมศิลปากรเกษียณอายุราชการกว่า 20 คน ทำให้เกิดปัญหาขาดช่างฝีมือ ช่างอนุรักษ์ ช่างประติมากรรม ช่างจิตรกรรมฝาผนัง จำนวนมาก จึงต้องใช้วิธีนำเงินกองทุนโบราณคดีที่มีอยู่ปีละ 50-60 ล้านบาท มาจ้างข้าราชการที่เกษียณทำงานเป็นโครงการไป หรือสร้างเป็นเครือข่าย ในระยะยาวได้จัดทำแผนรองรับเพื่อขอตำแหน่งที่เกษียณคืนมา แต่ต้องใช้เวลารอเนื่องจากกว่าจะได้ตำแหน่งคืนต้องใช้เวลารอนับปี พร้อมกันนี้ยังจะประสานไปยังมหาวิทยาลัยศิลปากรที่มีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ โบราณคดี เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่สนใจทำงานช่วงปิดเทอม หรือต้องการหารายได้พิเศษมาช่วยงานกรมศิลปากร ทั้งนี้ จะต้องมีการวางแผนและจัดระบบเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างนี้กรมศิลปากรกำลังจัดสรรตำแหน่งที่ว่าง และเลื่อนตำแหน่งข้าราชการอื่นๆ เพื่อให้ทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติตามนโยบายของ รมว.วัฒนธรรม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นจะขับเคลื่อนงานกรมศิลปากรให้เดินไปตามยุทธศาสตร์กระทรวงวัฒนธรรมและยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้
นายเอนก กล่าวว่า ผมกังวลเรื่องการบริหารจัดการแหล่งโบราณสถาน เช่น วัดหรือสถานที่ราชการที่ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน เราต้องเข้าไปทำความเข้าใจว่าโบราณสถานก็ยังเป็นของหน่วยงานนั้นๆ แต่การใช้พื้นที่หรือการอนุรักษ์ควรจะประสานกรมศิลปากรเข้าไปช่วยดูแล แต่บุคลากรของกรมศิลปากรมีน้อย บางทีอาจจะตอบข้อหารือหรือประสานงานไม่ได้ทันท่วงที ขณะที่ทางหน่วยงานต้องการอนุรักษ์ ซ่อมด่วน จึงเกิดปัญหาความไม่เข้าใจกัน ยกตัวอย่าง โบราณสถานในวัดกัลยาณมิตร บางส่วนก็รักษาไว้ได้ บางส่วนก็ถูกทำลายไป เป็นกรณีตัวอย่างที่มีปัญหาเกิดขึ้น 3 ปีแล้ว ระหว่างนี้อยู่ในกระบวนการตามกฎหมาย หากกรมศิลปากรไม่ดำเนินการจะถือว่าผิด หากต้องซ่อมบูรณะใหม่ก็ต้องซ่อม แต่ขอให้ดำเนินการคงเดิมเอาไว้มากที่สุด ผมได้มอบหมายให้ผู้บริหารกรมศิลปากรทุกคนว่าต้องเข้าหารือกับหน่วยงานที่มีโบราณสถาน มากกว่าจะเป็นหนังสือแจ้งเท่านั้น เมื่อเรารู้ข้อมูลมากกว่าชาวบ้านเราก็ควรไปบอกก่อนดีกว่ามาแก้ปัญหาในภายหลัง ตนขอยืนยันว่าโบราณสถานอยู่กับคนได้ดังเช่น โรม ฟลอเรนซ์ ลอนดอน ปารีส และอีกหลายเมืองทั่วโลก
