โรคถุงน้ำลูกอัณฑะ คือภาวะที่มีการสะสมของน้ำอยู่รอบลูกอัณฑะภายในถุงอัณฑะ ทำให้ถุงอัณฑะโป่งพองออกมา พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่แต่สาเหตุต่างกัน พบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี
โรคนี้ไม่เป็นอันตรายและส่วนใหญ่จะหายได้เองโดยไม่ต้องการการรักษา เช่น ในเด็กแรกเกิดพบโรคนี้ได้ถึงร้อยละ 10 แต่ร้อยละ 80-90 ของผู้ป่วยจะหายได้เองเมื่ออายุ 12-18 เดือน แต่ผู้ป่วยทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่สังเกตว่ามีอาการถุงอัณฑะโตขึ้นควรจะไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นที่เป็นอันตรายและต้องได้รับการรักษา เพราะอาจจะเป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคลูกอัณฑะบิดขั้วหรือมะเร็งของลูกอัณฑะ เป็นต้น
โรคถุงน้ำในอัณฑะเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็ก ปกติลูกอัณฑะมีเยื่อห่อหุ้มอยู่ 2 ชั้น และช่องว่างระหว่างเยื่อหุ้มทั้ง 2 ชั้น จะมีของเหลวเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยหล่อลื่น แต่บางครั้งอาจเกิดมีของเหลวอยู่ในช่องนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้กลายเป็นถุงน้ำเรียกว่าถุงน้ำในลูกอัณฑะซึ่งอาการโดยรวมนั้น จะมีลักษณะเป็นก้อนนุ่มที่ลูกอัณฑะข้างหนึ่งข้างใด โดยไม่ยุบหายไม่ว่าจะอยู่ในท่าใด เวลาใช้ไฟฉายส่องจะเห็นโปร่งแสงภายในจะมีของเหลวใสสามารถเจาะดูดออกให้ยุบได้ แต่ในไม่ช้าก็โตขึ้นได้อีก อาจเกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิดโดยไม่ทราบสาเหตุหรือเกิดภายหลังได้รับบาดเจ็บหรือมีการอักเสบของลูกอัณฑะก็ได้
โรคนี้อาจพบในผู้ชายได้ทุกอายุ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงคนสูงอายุ ถุงน้ำนี้มักไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด นอกจากถ้าโตมากๆ อาจทำให้รู้สึกเดินไม่ถนัดหรือปัสสาวะไม่สะดวก
ในส่วนของวิธีการรักษา ถ้าถุงน้ำไม่โตมาก และพบในเด็กเล็กก็ไม่ต้องทำอะไร อาจหายได้เมื่ออายุมากขึ้น ถ้าโตมากหรือไม่ยอมยุบหาย ก็ควรแนะนำไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล ในรายที่ผ่าตัดไม่ได้ เช่นคนสูงอายุที่อาจเสี่ยงต่อการผ่าตัด อาจรักษาได้ด้วยการใช้เข็มเจาะดูดเอาน้ำออกแต่ก็จะช่วยให้ยุบหายเพียงชั่วคราวเท่านั้น ภายในไม่กี่เดือนต่อมาก็อาจโตได้อีก
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo
โรคนี้ไม่เป็นอันตรายและส่วนใหญ่จะหายได้เองโดยไม่ต้องการการรักษา เช่น ในเด็กแรกเกิดพบโรคนี้ได้ถึงร้อยละ 10 แต่ร้อยละ 80-90 ของผู้ป่วยจะหายได้เองเมื่ออายุ 12-18 เดือน แต่ผู้ป่วยทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่สังเกตว่ามีอาการถุงอัณฑะโตขึ้นควรจะไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นที่เป็นอันตรายและต้องได้รับการรักษา เพราะอาจจะเป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคลูกอัณฑะบิดขั้วหรือมะเร็งของลูกอัณฑะ เป็นต้น
โรคถุงน้ำในอัณฑะเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็ก ปกติลูกอัณฑะมีเยื่อห่อหุ้มอยู่ 2 ชั้น และช่องว่างระหว่างเยื่อหุ้มทั้ง 2 ชั้น จะมีของเหลวเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยหล่อลื่น แต่บางครั้งอาจเกิดมีของเหลวอยู่ในช่องนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้กลายเป็นถุงน้ำเรียกว่าถุงน้ำในลูกอัณฑะซึ่งอาการโดยรวมนั้น จะมีลักษณะเป็นก้อนนุ่มที่ลูกอัณฑะข้างหนึ่งข้างใด โดยไม่ยุบหายไม่ว่าจะอยู่ในท่าใด เวลาใช้ไฟฉายส่องจะเห็นโปร่งแสงภายในจะมีของเหลวใสสามารถเจาะดูดออกให้ยุบได้ แต่ในไม่ช้าก็โตขึ้นได้อีก อาจเกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิดโดยไม่ทราบสาเหตุหรือเกิดภายหลังได้รับบาดเจ็บหรือมีการอักเสบของลูกอัณฑะก็ได้
โรคนี้อาจพบในผู้ชายได้ทุกอายุ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงคนสูงอายุ ถุงน้ำนี้มักไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด นอกจากถ้าโตมากๆ อาจทำให้รู้สึกเดินไม่ถนัดหรือปัสสาวะไม่สะดวก
ในส่วนของวิธีการรักษา ถ้าถุงน้ำไม่โตมาก และพบในเด็กเล็กก็ไม่ต้องทำอะไร อาจหายได้เมื่ออายุมากขึ้น ถ้าโตมากหรือไม่ยอมยุบหาย ก็ควรแนะนำไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล ในรายที่ผ่าตัดไม่ได้ เช่นคนสูงอายุที่อาจเสี่ยงต่อการผ่าตัด อาจรักษาได้ด้วยการใช้เข็มเจาะดูดเอาน้ำออกแต่ก็จะช่วยให้ยุบหายเพียงชั่วคราวเท่านั้น ภายในไม่กี่เดือนต่อมาก็อาจโตได้อีก
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo