กทม.สั่งสำรวจนักดับเพลิงวัยเก๋า ร่างกายไม่สมบูรณ์ ก่อนโยกเข้ากรุให้ทำงานไม่เสี่ยงภัยแทน ลั่นไม่รับคนเพิ่ม บอกเพลิงไหม้ไม่เกิดพร้อมกัน ดึงคนสถานีใกล้เคียงช่วยหนุนได้ เล็งซื้อชุดดับเพลิงเพิ่ม 400 ชุด หลังใช้งานมานานกว่า 15 ปี จ่อจัดระเบียบรถดับเพลิงเล็กและอาสาสมัคร กีดขวางการทำงาน พร้อมซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็ก 20 คัน หนุนการทำงานพื้นที่คับแคบ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงแนวคิดการปรับโยงเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ว่า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงมีอายุรวมมาก รวมถึงสุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ทำให้ยากลำบากต่อการปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนงานให้เกิดความเหมาะสม โดยจะคัดเลือกบุคลากรที่มีอายุ 45-50 ปีขึ้นไปปรับย้ายไปอยู่ในส่วนงานภายใน เช่น พนักงานทำเอกสาร ธุรการ พนักงานขับรถตามความเชี่ยวชาญของแต่ละคน ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ สปภ.ไปดำเนินการสำรวจว่ามีจำนวนบุคลากรมากน้อยเพียงใดที่เข้าข่ายตามลักษณะดังกล่าว ขณะเดียวกันทาง กทม.จะไม่มีการรับบุคลากรเพิ่มเติมแต่อย่างใด
“ผมมองว่าการเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่ได้เกิดพร้อมกันทุกพื้นที่ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรับคนเพิ่ม เพราะหากเกิดเหตุก็สามารถเรียกกำลังคนจากสถานีใกล้เคียงมาสนับสนุนได้ นอกจากเรื่องบุคลากรแล้ว ในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ได้มีการสั่งซื้อชุดผจญเพลิงเพิ่มอีก 400 ชุด ประกอบด้วยเสื้อ กางเกง และรองเท้า มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า ชุดดับเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบันได้จัดซื้อตั้งแต่ปี 2541 ก่อนที่จะโอนหน่วยงานดับเพลิงให้อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.มีอายุการใช้งานนานกว่า 15 ปี โดยปกติชุดผจญเพลิงจะมีอายุการใช้เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น คาดว่าจะได้รับมอบชุดก่อนสิ้นปี 2556 ซึ่งถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์สุ่มเสี่ยงช่วงเทศกาลปีใหม่อีกด้วย
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวด้วยว่า ส่วนการจัดระเบียบรถบรรเทาสาธารณภัยขนาดเล็กและรถดับเพลิงของอาสาสมัครทุกพื้นที่ ซึ่งมีข้อร้องเรียนมาตลอดว่ารถไม่มีความพร้อมเรื่องน้ำหรือความยาวของสายยางดับเพลิง แต่กลับเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ จนกลายเป็นการกีดขวางการปฏิบัติงานแทนนั้น ตนได้มอบหมายให้ สปภ.เร่งดำเนินการแล้ว โดยเป็นการคุยกันนอกรอบเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้รถที่ไม่มีความพร้อมวิ่งเข้าไปในจุดที่เกิดเหตุ เพื่ออำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจรให้กับทาง ปภ.ให้รถดับเพลิงเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ส่วนการเข้าถึงพื้นที่ชุมชนขนาดคับแคบ กทม.แก้ปัญหาโดยจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กเป็นรถบรรทุก 6 ล้อ มีท่อน้ำยาวประมาณ 100 เมตร จำนวน 20 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาบริษัทเอกชน เพื่อเสนอคุณสมบัติรถดับเพลิงที่ดีที่สุด เพื่อกระจายไปยังสถานีดับเพลิงในการนำไปปฏิบัติงานต่อไป
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงแนวคิดการปรับโยงเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ว่า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงมีอายุรวมมาก รวมถึงสุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ทำให้ยากลำบากต่อการปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนงานให้เกิดความเหมาะสม โดยจะคัดเลือกบุคลากรที่มีอายุ 45-50 ปีขึ้นไปปรับย้ายไปอยู่ในส่วนงานภายใน เช่น พนักงานทำเอกสาร ธุรการ พนักงานขับรถตามความเชี่ยวชาญของแต่ละคน ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ สปภ.ไปดำเนินการสำรวจว่ามีจำนวนบุคลากรมากน้อยเพียงใดที่เข้าข่ายตามลักษณะดังกล่าว ขณะเดียวกันทาง กทม.จะไม่มีการรับบุคลากรเพิ่มเติมแต่อย่างใด
“ผมมองว่าการเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่ได้เกิดพร้อมกันทุกพื้นที่ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรับคนเพิ่ม เพราะหากเกิดเหตุก็สามารถเรียกกำลังคนจากสถานีใกล้เคียงมาสนับสนุนได้ นอกจากเรื่องบุคลากรแล้ว ในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ได้มีการสั่งซื้อชุดผจญเพลิงเพิ่มอีก 400 ชุด ประกอบด้วยเสื้อ กางเกง และรองเท้า มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า ชุดดับเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบันได้จัดซื้อตั้งแต่ปี 2541 ก่อนที่จะโอนหน่วยงานดับเพลิงให้อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.มีอายุการใช้งานนานกว่า 15 ปี โดยปกติชุดผจญเพลิงจะมีอายุการใช้เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น คาดว่าจะได้รับมอบชุดก่อนสิ้นปี 2556 ซึ่งถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์สุ่มเสี่ยงช่วงเทศกาลปีใหม่อีกด้วย
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวด้วยว่า ส่วนการจัดระเบียบรถบรรเทาสาธารณภัยขนาดเล็กและรถดับเพลิงของอาสาสมัครทุกพื้นที่ ซึ่งมีข้อร้องเรียนมาตลอดว่ารถไม่มีความพร้อมเรื่องน้ำหรือความยาวของสายยางดับเพลิง แต่กลับเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ จนกลายเป็นการกีดขวางการปฏิบัติงานแทนนั้น ตนได้มอบหมายให้ สปภ.เร่งดำเนินการแล้ว โดยเป็นการคุยกันนอกรอบเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้รถที่ไม่มีความพร้อมวิ่งเข้าไปในจุดที่เกิดเหตุ เพื่ออำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจรให้กับทาง ปภ.ให้รถดับเพลิงเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ส่วนการเข้าถึงพื้นที่ชุมชนขนาดคับแคบ กทม.แก้ปัญหาโดยจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กเป็นรถบรรทุก 6 ล้อ มีท่อน้ำยาวประมาณ 100 เมตร จำนวน 20 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาบริษัทเอกชน เพื่อเสนอคุณสมบัติรถดับเพลิงที่ดีที่สุด เพื่อกระจายไปยังสถานีดับเพลิงในการนำไปปฏิบัติงานต่อไป