กทม.เร่งสานต่อโครงการรักการอ่านแก่เด็ก เชื่อยอดเพิ่ม 15 เล่มต่อปี พร้อมประสานทุกหน่วยงานเพื่อผลักดันเด็กกรุงให้รักการอ่าน
วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมการอ่านในเด็กและเยาวชน ว่า กรุงเทพมหานครมีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีนิสัยรักการอ่าน หลังจากกรุงเทพมหานครได้รับเลือกเป็นเมืองหนังสือโลก (Bangkok Worldbook Capital 2013) มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อยคนละ 15 เล่มต่อปี โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน จำเป็นต้องมีการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เล็กๆ ไม่ว่าจะอยู่ในระบบโรงเรียนหรือนอกระบบโรงเรียน
เนื่องจากการอ่านถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเสริมความสำเร็จในด้านต่างๆ ได้ ซึ่งจากการหารือร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งหน่วยงานในสังกัดหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักการศึกษา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มูลนิธิกระจกเงา และวีอาร์แฮปปี้ มีความเห็นร่วมกันในการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการอ่านในเด็กและเยาวชนให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะการอ่านเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ ยิ่งอ่านมาก ยิ่งมีความรู้มาก ที่ผ่านมา กทม.จัดกิจกรรมหลายรูปแบบในการส่งเสริมการอ่านผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การส่งเสริมการอ่านผ่านการพูดด้วยกิจกรรมโต้วาที การส่งเสริมการอ่านผ่านกระบวนการท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมมัคคุเทศก์น้อย
ทั้งนี้ จากที่เคยมีสถิติว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยเฉลี่ยคนละ 7-8 บรรทัดต่อคนต่อปีนั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่าขณะนี้สถิติการอ่านหนังสือของคนไทยน่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอยากให้มีการสำรวจสถิติใหม่ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกฝ่ายรวมถึงสื่อมวลชนร่วมมือกันรณรงค์และส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างจริงจัง เพราะจะสามารถช่วยปลูกฝังค่านิยมรักการอ่านให้เด็ก เยาวชนและประชาชนในประเทศไทย จนเกิดเป็นวัฒนธรรมรักการอ่านได้