สวธ.พาเด็กชายแดนใต้ 200 คน ตะลุยกรุงเทพฯ-คัดตัวแทน 10 คนไปอเมริกาเปิดมุมมองวัฒนธรรม
นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายใช้มิติทางวัฒนธรรม ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สวธ.ในฐานะมีหน้าที่ส่งเสริมวัฒนธรรมให้ประชาชนทุกภูมิภาคและตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ จัดโครงการค่ายเยาวชนขึ้น โดยจะประสานโรงเรียนในพื้นที่คัดเลือกเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 200 คน มาทัศนศึกษาและเข้าค่ายกิจกรรมทางวัฒนธรรมร่วมกัน ในสาขาทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และถ่ายภาพ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีศิลปินแห่งชาติ ศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิ มาเป็นวิทยากร เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้ ได้เปิดโลกมุมมองและวิสัยทัศน์ใหม่ๆ โดยจะพาไปชมสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่สำคัญ สวธ.จะพาไปชมแหล่งวัยรุ่นใจกลางเมือง ที่สยามพารากอน สยามสแควร์ เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ เห็นว่า บ้านเมืองของเรายังมีอีกหลายมุมมอง ทั้งความสงบ ความสวยงาม ไม่ได้มีแต่ความไม่สงบ ความรุนแรงเพียงอย่างเดียว
หลังจากการเข้าค่ายแล้ว สวธ.จะมีการคัดเลือกเยาวชนที่มาร่วมเข้าค่ายเยาวชน จำนวน 10 คน เพื่อไปทัศนศึกษาเรียนรู้ วัฒนธรรมในต่างแดน ยังประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งจะได้ไปเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม กับ อาจารย์กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศศิลป์ เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ ได้เห็นถึงการพัฒนาและเห็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมของต่างประเทศ นำความรู้และประสบการณ์ไปถ่ายทอดแก่เพื่อน ครอบครัว โรงเรียน และชุมชนในพื้นที่ รวมทั้งสังคมในพื้นที่ได้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เขาได้มาสัมผัส นอกจากนี้ สวธ.จะได้ส่งเสริมให้เยาวชนกลุ่มดังกล่าว เป็นเครือข่ายทางวัฒนธรรมให้แก่ สวธ.ในการเป็นแกนนำเยาวชนวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย
“การที่ สวธ.ได้นำเด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเข้าค่ายเยาวชน จะทำให้เขาได้เห็นอีกมิติหนึ่งของประเทศไทย และได้เห็นความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อที่จะเป็นกำลังคนรุ่นใหม่ในการช่วยกันสร้างสังคมให้เกิดความสงบสุข ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังเชื่อว่า การที่เขาจะได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ ถึงแม้อาจจะช่วยบรรเทาความรู้สึกที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งก็น่าจะทำให้เขามีความหวังมากขึ้น และมีกำลังใจที่จะช่วยกันให้ท้องถิ่นที่เขาอยู่สงบสุข เราไม่ได้หวังว่า พื้นที่ของเขาจะต้องพัฒนาเหมือนเรา แต่เราหวังว่า โครงการนี้ สิ่งที่เด็กๆเห็น จะช่วยถูกถ่ายทอดและเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ช่วยสร้างทัศนคติที่ดีให้แก่ประชาชนในพื้นที่บ้าง” นายชาย กล่าว
นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายใช้มิติทางวัฒนธรรม ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สวธ.ในฐานะมีหน้าที่ส่งเสริมวัฒนธรรมให้ประชาชนทุกภูมิภาคและตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ จัดโครงการค่ายเยาวชนขึ้น โดยจะประสานโรงเรียนในพื้นที่คัดเลือกเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 200 คน มาทัศนศึกษาและเข้าค่ายกิจกรรมทางวัฒนธรรมร่วมกัน ในสาขาทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และถ่ายภาพ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีศิลปินแห่งชาติ ศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิ มาเป็นวิทยากร เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้ ได้เปิดโลกมุมมองและวิสัยทัศน์ใหม่ๆ โดยจะพาไปชมสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่สำคัญ สวธ.จะพาไปชมแหล่งวัยรุ่นใจกลางเมือง ที่สยามพารากอน สยามสแควร์ เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ เห็นว่า บ้านเมืองของเรายังมีอีกหลายมุมมอง ทั้งความสงบ ความสวยงาม ไม่ได้มีแต่ความไม่สงบ ความรุนแรงเพียงอย่างเดียว
หลังจากการเข้าค่ายแล้ว สวธ.จะมีการคัดเลือกเยาวชนที่มาร่วมเข้าค่ายเยาวชน จำนวน 10 คน เพื่อไปทัศนศึกษาเรียนรู้ วัฒนธรรมในต่างแดน ยังประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งจะได้ไปเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม กับ อาจารย์กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศศิลป์ เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ ได้เห็นถึงการพัฒนาและเห็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมของต่างประเทศ นำความรู้และประสบการณ์ไปถ่ายทอดแก่เพื่อน ครอบครัว โรงเรียน และชุมชนในพื้นที่ รวมทั้งสังคมในพื้นที่ได้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เขาได้มาสัมผัส นอกจากนี้ สวธ.จะได้ส่งเสริมให้เยาวชนกลุ่มดังกล่าว เป็นเครือข่ายทางวัฒนธรรมให้แก่ สวธ.ในการเป็นแกนนำเยาวชนวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย
“การที่ สวธ.ได้นำเด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเข้าค่ายเยาวชน จะทำให้เขาได้เห็นอีกมิติหนึ่งของประเทศไทย และได้เห็นความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อที่จะเป็นกำลังคนรุ่นใหม่ในการช่วยกันสร้างสังคมให้เกิดความสงบสุข ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังเชื่อว่า การที่เขาจะได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ ถึงแม้อาจจะช่วยบรรเทาความรู้สึกที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งก็น่าจะทำให้เขามีความหวังมากขึ้น และมีกำลังใจที่จะช่วยกันให้ท้องถิ่นที่เขาอยู่สงบสุข เราไม่ได้หวังว่า พื้นที่ของเขาจะต้องพัฒนาเหมือนเรา แต่เราหวังว่า โครงการนี้ สิ่งที่เด็กๆเห็น จะช่วยถูกถ่ายทอดและเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ช่วยสร้างทัศนคติที่ดีให้แก่ประชาชนในพื้นที่บ้าง” นายชาย กล่าว