พศ.จับมือ ดีเอสไอ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน “เณรคำ” นัดประชุมอีกครั้ง 11 ก.ค.ด้าน ดีเอสไอ เล็งเช็กบิลโฆษณาเข้าข่ายล่อลวงหรือไม่ ส่วนงานบุญเข้าพรรษาถวายผ้าป่าหลวงปู่เณรคำ ส่อล่ม!!!
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวภายหลังร่วมประชุมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ทางดีเอสไอ กับ พศ.จะร่วมมือกันในการช่วยกันสอบข้อเท็จจริงกรณีหลวงปู่เณรคำ โดยเฉพาะกรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทาง พศ.ไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ดีเอสไอสามารถเรียกสอบสถานะทางการเงินได้ การที่ดีเอสไอตรวจสอบและให้ข้อมูลมา ทาง พศ.ก็สามารถที่จะส่งผลข้อมูลให้ฝ่ายคณะสงฆ์ใช้พิจารณาได้เร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามภายในสัปดาห์หน้าคาดว่า ในวันที่ 11 ก.ค.จะมีการประชุมร่วมกันระหว่าง พศ.และดีเอสไออีกครั้ง
นายนพรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายต้องรอผลการตรวจสอบจากทุกภาคส่วน ทั้ง พศ. ตำรวจและคณะสงฆ์ หากมีความผิดจริง โดยเฉพาะคดีอาญา ต้องมีการจับสึกทันที ซึ่งในส่วนของผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ลูกศิษย์ ก็ต้องมีกระบวนการตรวจสอบควบคู่กันไปด้วย ส่วนความคืบหน้าในส่วนคณะสงฆ์ศรีสะเกษในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษมีการออกคำสั่ง ดังนี้
1.เรียกตัวหลวงปู่เณรคำแจ้งไปยังวัดป่าขันติธรรม 2.ให้มาชี้แจงเรื่องผู้หญิง ทรัพย์สิน อวดอุตริมนุสธรรม ถูกกล่าวหาฉ้อโกง และกรณีสุดท้ายมีกระแสข่าวว่า กลุ่มลูกศิษย์จะถวายฎีกา จึงได้สั่งการห้ามดำเนินการโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ตนยังได้รับรายงานว่า ทางเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะมีการไปสอบปากคำผู้หญิงที่ได้อ้างว่า หลับนอนด้วยกันอีกด้วย เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการตัดออกจากสังกัดวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ
ผอ.พศ.กล่าวว่า กรณีการขับออกจากวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อนั้น ต้องรอผลการพิจารณาของทางคณะกรรมการที่เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ได้ตั้งขึ้นมา หากที่ประชุมมีการพิจารณาเห็นว่า ควรตัดหลวงปู่เณรคำออกจากสังกัดวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ หลวงปู่เณรคำก็ต้องหาสังกัดวัดใหม่ให้ได้ หากหาไม่ได้ก็ถือหมดสภาพความเป็นพระทันที ซึ่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 พ.ศ. 2538 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่า ต้องหาสังกัดวัดให้ได้ภายในกี่วัน แต่ทั้งนี้การสั่งให้สึกขึ้นอยู่ในดุลยพินิจของเจ้าคณะปกครองว่าจะใช้วิธีการใด เช่น อาจจะใช้วิธีการเตือนก่อนแล้วออกคำสั่งให้พ้นจากสภาพความเป็นพระ หรือจะใช้วิธีการสั่งการให้พ้นความเป็นพระได้ทันทีก็เป็นได้ เป็นต้น ส่วนกรณีหลวงปู่เณรคำจะกลับมาเมื่อไหร่นั้น ยังคงติดต่อไม่ได้ และไม่มีการแจ้งเข้ามาแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจสอบ ข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียนหลวงปู่เณรคำ กล่าวว่า ได้สอบถามข้อมูลจากทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯถึงการโฆษณาต่างๆของหลวงปู่เณรคำ เพื่อจะนำข้อมูลไปตรวจสอบว่าเข้าข่ายการหลอกลวงหรือไม่ รวมทั้งจะดูเงินบริจาคด้วย ซึ่งหากเป็นการบริจาคให้ส่วนตัวคงจะตรวจสอบลำบาก แต่หากเป็นการเรี่ยไรเงินจะสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของการเรี่ยไรเงินหรือไม่ นอกจากนี้ที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าหากทางหลวงปู่เณรคำไม่ยอมเดินทางกลับมาจะทำอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้หากพบว่าหลวงปู่เณรคำมีความผิดทางอาญาจริงก็จะสามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ผู้ร้ายข้ามแดน ขอความร่วมมือไปยังประเทศที่หลวงปู่เณรคำอยู่ให้ส่งตัวกลับมาประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีได้
ส่วน นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา กล่าวว่า คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ได้มีหนังสือ แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบใบสุทธิของพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เนื่องจากสำเนาใบสุทธิดังกล่าวที่กลุ่มลูกศิษย์นำมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการศาสนาฯนั้น มีความไม่ชัดเจนในลายมือชื่อของพระอุปัชฌาย์ และการย้ายวัด อีกทั้งยังสับสนในความเป็นพระเป็นเณรว่าต่อกันหรือไม่ อย่างใด ใบสุทธิดังกล่าวมีความถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากหาเป็นใบสุทธิที่ไม่ถูกต้องอาจจะส่งผลกระทบต่อความศรัทธาและความเชื่อมั่นของพุทธศาสนิกชนในวงกว้าง นอกจากนี้ยังมีหนังสือไปถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม เพื่อขอให้มีการนำกรณีของหลวงปู่เณรคำทั้งภาพนั่งเครื่องบินเจ็ต ภาพนั่งเฮลิคอปเตอร์ คลิปวิดีโอการเทศน์ที่อาจจะเข้าข่ายการอวดอุตริ เข้าหารือในการประชุมมหาเถรสมาคมด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องของหลวงปู่เณรคำอาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ส่อล่ม! งานบุญเข้าพรรษาถวายผ้าป่าหลวงปู่เณรคำ
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของทางหลวงปู่เณรคำล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ได้ตรวจสอบไปยังหน้าเว็บ www.luangpunenkham.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชื่อหลวงปู่เณรคำ ที่ได้เผยแพร่ข่าวสารเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนเข้าร่วมงานเข้าพรรษา มีข้อความดังนี้ “19-21 ก.ค. 56 เชิญร่วมพิธีทอดถวายผ้าป่า ผ้าอาบน้ำฝน และเทียนพรรษา แด่พระเดชพระคุณหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก และคณะสงฆ์ ร่วมบวชชีพราหมณ์ ปฎิบัติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา ณ วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ” โดยมีภาพหลวงปู่เณรคำนั่งสมาธิอยู่เบื้องหน้าพระแก้วมรกตปรากฏอยู่ด้วย ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงานดังกล่าวว่าจะยังมีการจัดขึ้นหรือไม่ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ใต้ข้อความ ซึ่งได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่รายหนึ่งว่า ขณะนี้งานดังกล่าวทางผู้ใหญ่ให้ชะลอเอาไว้ก่อนหรืออาจจะไม่จัดเลย เพราะช่วงนี้มีกรณีข่าวของหลวงปู่เณรคำอยู่ อย่างไรก็ตาม ขอให้สอบถามมาอีกครั้งในช่วงใกล้วันงานว่าจะมีการจัดงานตามที่กำหนดเดิมหรือไม่