“อภิชาติ” แฉ! ครูลวนลามนักเรียนสูงขึ้น โดยเฉพาะเพศเดียวกัน ชี้เป็นวิชาที่ต้องสัมผัสตัว ทั้งนาฏศิลป์ พลศึกษา อึ้ง! วิชาคอมพิวเตอร์ร้องเรียนมากสุด และเกิดในต่างจังหวัดมากกว่า กทม.
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) ในฐานะประธานคณะกรรมอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญ วินัยและการออกจากราชการ เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติหน้าที่เป็นประธาน อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ ได้มีการพิจารณาโทษเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการในหลากหลายกรณี โดยเฉพาะการร้องเรียนกรณีครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะครูชายลวนลามทางเพศนักเรียนผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังได้รับการร้องเรียนกรณีใหม่ๆ นั่นคือ พบครูมีพฤติกรรมลวนลามนักเรียนเพศเดียวกัน คือ ครูผู้หญิงลวนลามนักเรียนหญิง ครูผู้ชายลวนลามทางเพศนักเรียนชาย
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ครูที่ลวนลามเด็กจะเป็นครูวิชาที่ต้องมีความใกล้ชิดกับเด็กนอกเวลาเรียน เช่น วิชาพลศึกษา วิชานาฏศิลป์ และล่าสุดที่มีร้องเรียนเข้ามาใหม่ คือ ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ซึ่งการสอนวิชาเหล่านี้จะต้องมีการสัมผัสเนื้อตัวเด็ก โดยส่วนใหญ่ที่ได้รับการร้องเรียนจะเกิดในต่างจังหวัดมากกว่าในเขตกรุงเทพฯ
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนและลงโทษนั้น หาก อ.ก.ค.ศ.วิสามัญวินัยฯ พิจารณาพบครูที่ถูกร้องเรียนดังกล่าว กระทำการล่วงละเมิดทางเพศจริง มีโทษ คือ ไล่ออก หรือปลดออกทันที แต่หากพบว่าเป็นกรณีทำอนาจารเด็ก ก็ต้องดูว่ากระทำถึงขั้นไหน กระทำอย่างไรกับเด็ก และครูคนดังกล่าวเคยกระทำความผิดกรณีอื่นๆ หรือในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อนหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าขาดคุณสมบัติก็สามารถไล่ออกได้ทันทีเช่นกัน ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญวินัยฯ เพิ่งมีมติลงโทษข้าราชการครูคนหนึ่งที่ทำอนาจารเด็ก โดยให้ออกจากราชการ และเสนอให้คุรุสภายกเลิกใบประกอบวิชาชีพด้วย เพื่อไม่ให้สามารถกลับมาเป็นครูได้อีก แม้จะเป็นโรงเรียนเอกชนก็ตาม
“ส่วนใหญ่กรณีอนาจารจะเกิดกับเด็กประถมมากกว่ามัธยม เพราะยังเด็ก ส่วนล่วงละเมิดทางเพศจะเกิดกับนักเรียนมัธยมมากกว่า ซึ่งผมอยากฝากผู้บริหารโรงเรียนให้ช่วยสอดส่อง และสังเกตกิริยาอาการของครูกับนักเรียนให้มากขึ้น เพราะเรื่องลักษณะดังกล่าวสังเกตได้ไม่ยาก เช่น ครูกับนักเรียนชาย หากมีพฤติกรรมเดินควงแขนกัน ก็ถือว่าไม่ใช่พฤติกรรมปกติที่ผู้ชายทำกับผู้ชาย” นายอภิชาติ กล่าวและว่า นอกจากนั้นยังพบว่ามีข้อร้องเรียนว่าครูขายยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งหากเป็นกรณีดังกล่าวจะถือว่ามีความผิดร้ายแรงมีโทษไล่ออกทันที
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) ในฐานะประธานคณะกรรมอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญ วินัยและการออกจากราชการ เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติหน้าที่เป็นประธาน อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ ได้มีการพิจารณาโทษเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการในหลากหลายกรณี โดยเฉพาะการร้องเรียนกรณีครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะครูชายลวนลามทางเพศนักเรียนผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังได้รับการร้องเรียนกรณีใหม่ๆ นั่นคือ พบครูมีพฤติกรรมลวนลามนักเรียนเพศเดียวกัน คือ ครูผู้หญิงลวนลามนักเรียนหญิง ครูผู้ชายลวนลามทางเพศนักเรียนชาย
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ครูที่ลวนลามเด็กจะเป็นครูวิชาที่ต้องมีความใกล้ชิดกับเด็กนอกเวลาเรียน เช่น วิชาพลศึกษา วิชานาฏศิลป์ และล่าสุดที่มีร้องเรียนเข้ามาใหม่ คือ ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ซึ่งการสอนวิชาเหล่านี้จะต้องมีการสัมผัสเนื้อตัวเด็ก โดยส่วนใหญ่ที่ได้รับการร้องเรียนจะเกิดในต่างจังหวัดมากกว่าในเขตกรุงเทพฯ
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนและลงโทษนั้น หาก อ.ก.ค.ศ.วิสามัญวินัยฯ พิจารณาพบครูที่ถูกร้องเรียนดังกล่าว กระทำการล่วงละเมิดทางเพศจริง มีโทษ คือ ไล่ออก หรือปลดออกทันที แต่หากพบว่าเป็นกรณีทำอนาจารเด็ก ก็ต้องดูว่ากระทำถึงขั้นไหน กระทำอย่างไรกับเด็ก และครูคนดังกล่าวเคยกระทำความผิดกรณีอื่นๆ หรือในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อนหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าขาดคุณสมบัติก็สามารถไล่ออกได้ทันทีเช่นกัน ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญวินัยฯ เพิ่งมีมติลงโทษข้าราชการครูคนหนึ่งที่ทำอนาจารเด็ก โดยให้ออกจากราชการ และเสนอให้คุรุสภายกเลิกใบประกอบวิชาชีพด้วย เพื่อไม่ให้สามารถกลับมาเป็นครูได้อีก แม้จะเป็นโรงเรียนเอกชนก็ตาม
“ส่วนใหญ่กรณีอนาจารจะเกิดกับเด็กประถมมากกว่ามัธยม เพราะยังเด็ก ส่วนล่วงละเมิดทางเพศจะเกิดกับนักเรียนมัธยมมากกว่า ซึ่งผมอยากฝากผู้บริหารโรงเรียนให้ช่วยสอดส่อง และสังเกตกิริยาอาการของครูกับนักเรียนให้มากขึ้น เพราะเรื่องลักษณะดังกล่าวสังเกตได้ไม่ยาก เช่น ครูกับนักเรียนชาย หากมีพฤติกรรมเดินควงแขนกัน ก็ถือว่าไม่ใช่พฤติกรรมปกติที่ผู้ชายทำกับผู้ชาย” นายอภิชาติ กล่าวและว่า นอกจากนั้นยังพบว่ามีข้อร้องเรียนว่าครูขายยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งหากเป็นกรณีดังกล่าวจะถือว่ามีความผิดร้ายแรงมีโทษไล่ออกทันที