หวั่น นศ.ร.ร.ช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ แก้แค้นแทนเพื่อน สช.ส่ง รองเลขาธิการ กช.ลงพื้นที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะที่ “บัณฑิตย์-ชัยพฤกษ์” ชี้รอผลสอบสวนจาก ตร.ชี้ชัดเป็น นศ.ในสังกัดหรือไม่ หากเป็นต้องไล่ออก
กรณีเกิดเหตุนักเรียนยิงกันจนเป็นเหตุให้ นายศตวรรษ จำนงค์ภักดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ปีที่ 3 แผนกช่างไฟฟ้า โรงเรียนช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ เสียชีวิตบริเวณหน้าร้านขายรองเท้าตลาดวงศกร แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ โดย นายศตวรรษ นั้นเป็นหลานชายของ นายสมชาย เข็มกลัด นักร้องและดารานักแสดง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม กำลังสืบหาว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาสถาบันคู่อริ
นายบัณฑิตย์ ศรีพฤทธางกูร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้รองเลขาธิการ กช.ลงพื้นที่ติดตามและควบคุมดูแลสถานการณ์ที่โรงเรียนช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ และทำความเข้าใจกับนักเรียนนักศึกษาด้วย เพราะเกรงว่านักเรียนนักศึกษาบางส่วนจะโกรธแค้นและกระทำการที่ก่อให้เหตุการณ์บานปลายได้ ส่วนว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาสถาบันจากสังกัด สช.หรือสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดต้องรอผลการสืบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน แต่หากพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยในสังกัดจริงตามระเบียบก็ต้องไล่ออก ส่วนของวิทยาลัยก็จะมีมาตรการ เช่น งดรับนักศึกษา เป็นต้น แต่ทั้งหมดนี้จะรอข้อสรุปจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับมาตรการป้องกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทนั้น สช.ได้ทำหนังสือกำชับไปยังสถานศึกษาทุกแห่ง สังกัด สช.แล้วตั้งแต่ก่อนเปิดภาคเรียน
ด้าน นายพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าไม่ใช่นักศึกษาในสังกัด สอศ.แต่ก็ต้องรอผลการสอบสวนที่ชัดเจนจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อนว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาจากสถาบันใด อย่างไรก็ตาม ตนได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ และซึ่งรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านได้กำชับให้ติดตามใกล้ชิด ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สอศ.ก็ได้เน้นย้ำมาตรการและแนวทางป้องกันการก่อเหตุทะเลาะวิวาทไปยังวิทยาลัยในสังกัดแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าผลสรุปปรากฏว่าเป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยสังกัด สอศ.นอกจากโทษตามกฎหมายอาญาที่ผู้ก่อเหตุจะได้รับ ในส่วนของสถานศึกษาที่ทำได้คือ ไล่ออก ส่วนผู้บริหารของวิทยาลัยก็ต้องดูและประเมินก่อนว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางที่ สอศ.ได้เน้นย้ำหรือไม่ ดังนั้นขอให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน
กรณีเกิดเหตุนักเรียนยิงกันจนเป็นเหตุให้ นายศตวรรษ จำนงค์ภักดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ปีที่ 3 แผนกช่างไฟฟ้า โรงเรียนช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ เสียชีวิตบริเวณหน้าร้านขายรองเท้าตลาดวงศกร แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ โดย นายศตวรรษ นั้นเป็นหลานชายของ นายสมชาย เข็มกลัด นักร้องและดารานักแสดง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม กำลังสืบหาว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาสถาบันคู่อริ
นายบัณฑิตย์ ศรีพฤทธางกูร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้รองเลขาธิการ กช.ลงพื้นที่ติดตามและควบคุมดูแลสถานการณ์ที่โรงเรียนช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ และทำความเข้าใจกับนักเรียนนักศึกษาด้วย เพราะเกรงว่านักเรียนนักศึกษาบางส่วนจะโกรธแค้นและกระทำการที่ก่อให้เหตุการณ์บานปลายได้ ส่วนว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาสถาบันจากสังกัด สช.หรือสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดต้องรอผลการสืบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน แต่หากพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยในสังกัดจริงตามระเบียบก็ต้องไล่ออก ส่วนของวิทยาลัยก็จะมีมาตรการ เช่น งดรับนักศึกษา เป็นต้น แต่ทั้งหมดนี้จะรอข้อสรุปจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับมาตรการป้องกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทนั้น สช.ได้ทำหนังสือกำชับไปยังสถานศึกษาทุกแห่ง สังกัด สช.แล้วตั้งแต่ก่อนเปิดภาคเรียน
ด้าน นายพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าไม่ใช่นักศึกษาในสังกัด สอศ.แต่ก็ต้องรอผลการสอบสวนที่ชัดเจนจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อนว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาจากสถาบันใด อย่างไรก็ตาม ตนได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ และซึ่งรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านได้กำชับให้ติดตามใกล้ชิด ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สอศ.ก็ได้เน้นย้ำมาตรการและแนวทางป้องกันการก่อเหตุทะเลาะวิวาทไปยังวิทยาลัยในสังกัดแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าผลสรุปปรากฏว่าเป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยสังกัด สอศ.นอกจากโทษตามกฎหมายอาญาที่ผู้ก่อเหตุจะได้รับ ในส่วนของสถานศึกษาที่ทำได้คือ ไล่ออก ส่วนผู้บริหารของวิทยาลัยก็ต้องดูและประเมินก่อนว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางที่ สอศ.ได้เน้นย้ำหรือไม่ ดังนั้นขอให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน