วันนี้ (3 มิ.ย.) นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์เรื่อง "จุดยืนการเคลื่อนไหวและเป้าหมายการเจรจากับผู้แทนนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 และ 6 มิ.ย. 2556" ว่า ตามที่ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมทันตภูธร สหวิชาชีพ ในโรงพยาบาลชุมชน และเครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ ประกอบด้วยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เครือข่ายผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เอดส์ หัวใจ มะเร็ง โรคเลือด เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค และกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ได้รวมตัวกันเคลื่อนไหวขับไล่ นพ.ประดิษฐ เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขของรัฐ ไม่ให้ถูกครอบงำโดยกลุ่มผลประโยชน์ธุรกิจเอกชน และบริษัทยาข้ามชาติ ด้วยการเคลื่อนไหวอารยะขัดขืนทั่วประเทศ ไม่เอา P4P และไม่เอา
นพ.ประดิษฐ และประกาศเลื่อนการชุมนุมจัดตั้งโรงพยาบาลคนจนภาคสนาม ที่หน้าบ้านนายกรัฐมนตรี จากวันที่ 6 มิ.ย. เป็นการชุมนุมในวันที่ 20 มิ.ย. 2556 เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากับผู้แทนนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 และ 6 มิ.ย. นี้ และเพื่อให้เกิดความชัดเจน ชมรมแพทย์ชนบทจึงขอประกาศจุดยืนการเคลื่อนไหว และเป้าหมายการเจรจากับผู้แทนนายกรัฐมนตรี ไว้ดังนี้
1.จะเคลื่อนไหวอารยะขัดขืนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องจนกว่า P4P จะถูกยกเลิก และ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ ถูกย้ายออกจากกระทรวงสาธารณสุข 2.พร้อมเจรจากับผู้แทนนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ข้อมูลถึงภาวะอันตรายของระบบสาธารณสุขของรัฐที่กำลังจะล่มสลาย เพราะนโยบายที่ผิดทิศผิดทาง ทำร้ายคนจน เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจเอกชนและบริษัทยาข้ามชาติ พร้อมยื่นข้อเสนอถึงแนวทางการแก้ไข และความจำเป็นที่ต้องย้าย นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ ออกไปจากกระทรวงสาธารณสุข 3.ถ้าการเจรจาในวันที่ 4 และ 6 มิถุนายน ไม่มีความคืบหน้า ยืนยันจะประท้วงในวันที่ 20 มิถุนายนนี้แน่นอน
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ชมรมแพทย์ชนบทขอยืนยันว่าจะร่วมกับเครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ ดำเนินการเคลื่อนไหวทุกวิถีทางด้วยความสงบ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขของรัฐ ให้เอื้อกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ และหวังว่า ท่านนายกรัฐมนตรีจะเห็นปัญหาและแก้ไข ขจัดต้นตอของปัญหาออกไป เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขของรัฐ ถูกทำลาย และประชาชนเดือดร้อนในอนาคตอันใกล้นี้
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับกลุ่มแพทย์ชนบท มีความชัดเจนในหลักการว่า เรื่อง P4P เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ ทำให้เกิดการวัดผลการประเมินผลต่อให้ไม่นำไปเกี่ยวกับระบบการจ่ายเงินทุกหน่วยงาน ก็จำเป็นต้องมีระบบการวัดผล ประเมินผล เพื่อนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งตนก็ยืนยันหลักการเดียวกัน หากมีปัญหาติดขัดในเรื่องใดก็ตามสามารถคุยกันได้ เพื่อจะได้แก้ไขให้ชัดเจน ซึ่งในวันที่ 6 มิ.ย. ยินดีที่ทุกฝ่ายจะเข้ามาหารือกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเรียกร้องมาตลอด เพื่อจะได้ทราบปัญหา แต่หากเริ่มต้นด้วยการไม่เอา P4P ก็จะขัดกับสิ่งที่ได้แถลงร่วมกับนายสุรนันท์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการหารือนอกรอบร่วมกันก่อนในวันที่ 4 มิ.ย.แต่อย่างใด เพราะมองว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมีการคุยนอกรอบ
“การหารือในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ คือ การหารือว่าจะทำอย่างไรให้เป็นไปตามหลักการ เพราะประโยชน์ของการทำP4P รัฐบาลเห็นได้อย่างชัดเจนในเรื่องประสิทธิภาพที่จะเกิดกับประชาชน ทั้งนี้ ความคาดหวังในการหารือในวันดังกล่าวคงไม่สามารถคุยกันไม่จบในวันเดียว แต่ต้องรับเรื่องมาปรึกษาหารือกันก่อนว่า จะจบอย่างไร การหารือเพียง 1-2 ชั่วโมงคงไม่สามารถสรุปได้ แต่ถือเป็นเรื่องดีที่เริ่มต้นคุยกัน เพราะการคุยหมายถึงการนำข้อมูลมาให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจที่จะแก้ไขให้ดีขึ้น ไม่ได้มีทิฐิว่าจะไม่รับฟัง ส่วนขั้นตอนในการปฏิบัติเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารของกระทรวงฯ ที่จะนำปัญหาของฝ่ายปฏิบัติไปแก้ไข ผมมีหน้าที่เพียงทำเรื่องนโยบายและควบคุมให้เป็นไปตามนั้น"”รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ในการหารือดังกล่าว จะให้ฝ่ายบริหารของกระทรวงเข้าไปร่วมหารือทั้งหมด พร้อมเชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด ส่วนกลุ่มแพทย์ชนบทจะชวนใครมาร่วมบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับแพทย์ชนบท แต่บางหัวข้อที่จะหารือ เช่น การจะแปรรูปองค์การเภสัชกรรมหรือ การร่วมจ่าย เป็นเรื่องที่ไม่ต้องใช้เวลาในการหารือ เพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ซึ่งรัฐบาลไม่มีนโยบายหรือแนวคิดดังกล่าว ดังนั้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะมาคุยกันว่าผลกระทบจากการแปรรูป หรือการ่วมจ่ายมีอะไรบ้าง เพราะรัฐบาลไม่คิดจะทำทั้งสองเรื่อง เป็นความเข้าใจผิดเท่านั้น
ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทาง สปสช.จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน นพ.ประทีป เพื่อปลดออกจาก สปสช.นั้น ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงและขณะนี้ก็ยังไม่มีใครเสนอที่จะให้ตั้งคณะกรรมการสอบในเรื่องดังกล่าวหรือนำเรื่องนี้เข้ามาในที่ประชุมบอร์ด สปสช.เลย
