มจร.ร่วมกับ สสส.นำร่องพัฒนาระบบบริการองค์กรสงฆ์ 5 สาย ส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาสังคม เรียกศรัทธาชาวพุทธให้นำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติอย่างจริงจัง
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่หอภาวนาสิทธิโชค วัดประยุรวงศาวาส พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นประธานแถลงข่าว สรุปผลการวิจัยแผนงานการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและเสริมสร้างเครือข่ายองค์กรพระพุทธศาสนาในประเทศไทย “ถอดหัวใจองค์กรพระพุทธศาสนา 5 สายในประเทศไทย” ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร.กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็น ของพระสงฆ์และองค์กรพระพุทธศาสนา 5 สาย ได้แก่ สายปฏิบัติธรรม สายการพัฒนา สายเผยแผ่ สายการปกครอง และสายการศึกษา เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและเสริมสร้างเครือข่ายองค์กรพระพุทธศาสนาในประเทศไทย พบว่า พระสงฆ์ และองค์กรพระพุทธศาสนาต่างมีจุดมุ่งหมายเผยแผ่พระพุทธศาสนาเดียวกัน คือ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาสังคม เสริมสร้างจริยธรรมสู่การมีพฤติกรรมที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ยังเกิดปัญหา คือ พระสงฆ์ยังขาดการศึกษาเล่าเรียนตามพระธรรมวินัย ทำให้การตีความ และแนวปฏิบัติแตกต่างกัน ยังมุ่งหวังลาภสักการะเกินไป ส่วนองค์กรและระบบการทำงาน ยังขาดการกำหนดเป้าหมายในการเผยแผ่ศาสนาที่ชัดเจน ขณะที่ปัญหาภายนอกองค์กร ยังขาดการสนับสนุนงบประมาณ ขาดการร่วมมือที่เป็นเอกภาพ ซึ่งวิจัยได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา 3 ระดับ คือ พระสงฆ์ควรศึกษาเผยแผ่พุทธธรรม และปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ส่วนระดับจังหวัด ควรตั้งสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดถาวร เพื่อให้การจัดกิจกรรมและการเผยแผ่พระพุทธศาสนามีความต่อเนื่อง ขณะที่ระดับนโยบายควรกำหนดบทบาทคณะสงฆ์ และมอบหมายงานให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัยและกิจการคณะสงฆ์ เพื่อให้เกิดเอกภาพในการเผยแผ่
พระราชวรมุนี คณบดีคณะพุทธศาสตร์ มจร.กรรมการสภาการศึกษา กล่าวว่า ได้รวบรวมองค์ความรู้จากงานวิจัยจัดพิมพ์เป็นหนังสือถ่ายทอดแก่พระนิสิตในช่วงวันวิสาขบูชานี้เพื่อนำองค์ความรู้ไปปฏิบัติ นอกจากนี้ สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ คณะพุทธศาสตร์ มจร.จะร่วมกับคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และ สสส.ขับเคลื่อนการสร้างสังคมสุขภาวะตามแนวพระพุทธศาสนา โดยนำงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติในวัดนำร่อง 50 วัด ใน 15 จังหวัด ได้แก่ พะเยา แพร่ เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี สุรินทร์ พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี นครปฐม สิงห์บุรี สงขลา ปัตตานี และยะลา และถ่ายทอดต่อไปยังพื้นที่เรียนรู้อีก 300 วัดทั่วประเทศภายในปี 2557
ด้าน ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการ สสส. กล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้ เป็นการถอดหัวใจขององค์กรพระพุทธศาสนาทั้ง 5 สายเป็นครั้งแรกในประเทศ ทั้งนี้เพื่อเข้าถึงแก่นการบริหารจัดการองค์กรสงฆ์นำไปสู่การพัฒนาระดับบริหาร แก้ปัญหาต่างๆ เพื่อฟื้นฟูศรัทธาของชาวพุทธ ขณะที่พุทธศาสนิกชนจะเข้าถึงหลักธรรมที่สำคัญของพระพุทธศาสนา เช่น ศีล 5 อริยสัจ 4 พรหมวิหาร 4 เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพ
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่หอภาวนาสิทธิโชค วัดประยุรวงศาวาส พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นประธานแถลงข่าว สรุปผลการวิจัยแผนงานการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและเสริมสร้างเครือข่ายองค์กรพระพุทธศาสนาในประเทศไทย “ถอดหัวใจองค์กรพระพุทธศาสนา 5 สายในประเทศไทย” ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร.กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็น ของพระสงฆ์และองค์กรพระพุทธศาสนา 5 สาย ได้แก่ สายปฏิบัติธรรม สายการพัฒนา สายเผยแผ่ สายการปกครอง และสายการศึกษา เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและเสริมสร้างเครือข่ายองค์กรพระพุทธศาสนาในประเทศไทย พบว่า พระสงฆ์ และองค์กรพระพุทธศาสนาต่างมีจุดมุ่งหมายเผยแผ่พระพุทธศาสนาเดียวกัน คือ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาสังคม เสริมสร้างจริยธรรมสู่การมีพฤติกรรมที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ยังเกิดปัญหา คือ พระสงฆ์ยังขาดการศึกษาเล่าเรียนตามพระธรรมวินัย ทำให้การตีความ และแนวปฏิบัติแตกต่างกัน ยังมุ่งหวังลาภสักการะเกินไป ส่วนองค์กรและระบบการทำงาน ยังขาดการกำหนดเป้าหมายในการเผยแผ่ศาสนาที่ชัดเจน ขณะที่ปัญหาภายนอกองค์กร ยังขาดการสนับสนุนงบประมาณ ขาดการร่วมมือที่เป็นเอกภาพ ซึ่งวิจัยได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา 3 ระดับ คือ พระสงฆ์ควรศึกษาเผยแผ่พุทธธรรม และปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ส่วนระดับจังหวัด ควรตั้งสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดถาวร เพื่อให้การจัดกิจกรรมและการเผยแผ่พระพุทธศาสนามีความต่อเนื่อง ขณะที่ระดับนโยบายควรกำหนดบทบาทคณะสงฆ์ และมอบหมายงานให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัยและกิจการคณะสงฆ์ เพื่อให้เกิดเอกภาพในการเผยแผ่
พระราชวรมุนี คณบดีคณะพุทธศาสตร์ มจร.กรรมการสภาการศึกษา กล่าวว่า ได้รวบรวมองค์ความรู้จากงานวิจัยจัดพิมพ์เป็นหนังสือถ่ายทอดแก่พระนิสิตในช่วงวันวิสาขบูชานี้เพื่อนำองค์ความรู้ไปปฏิบัติ นอกจากนี้ สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ คณะพุทธศาสตร์ มจร.จะร่วมกับคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และ สสส.ขับเคลื่อนการสร้างสังคมสุขภาวะตามแนวพระพุทธศาสนา โดยนำงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติในวัดนำร่อง 50 วัด ใน 15 จังหวัด ได้แก่ พะเยา แพร่ เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี สุรินทร์ พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี นครปฐม สิงห์บุรี สงขลา ปัตตานี และยะลา และถ่ายทอดต่อไปยังพื้นที่เรียนรู้อีก 300 วัดทั่วประเทศภายในปี 2557
ด้าน ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการ สสส. กล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้ เป็นการถอดหัวใจขององค์กรพระพุทธศาสนาทั้ง 5 สายเป็นครั้งแรกในประเทศ ทั้งนี้เพื่อเข้าถึงแก่นการบริหารจัดการองค์กรสงฆ์นำไปสู่การพัฒนาระดับบริหาร แก้ปัญหาต่างๆ เพื่อฟื้นฟูศรัทธาของชาวพุทธ ขณะที่พุทธศาสนิกชนจะเข้าถึงหลักธรรมที่สำคัญของพระพุทธศาสนา เช่น ศีล 5 อริยสัจ 4 พรหมวิหาร 4 เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพ