xs
xsm
sm
md
lg

เมาไม่ขับเย้ย “ปู” ห่วงไฟดับมากกว่าคนตายช่วงสงกรานต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กมธ.ปกครอง วุฒิฯบี้รัฐลดอุบัติเหตุ นายกฯต้องดูเอง ส่วน “หมอแท้จริง” อัดรัฐเมินป้องกันเหตุช่วงเทศกาล เย้ยกลัวไฟดับมากกว่าคนตาย เผยยูเอ็นให้ไทยติดที่ 3 เหตุถนนทำตายโหงเยอะ แฉอังกฤษทำแอปฯ ให้ ปชช.เที่ยวไทยปลอดภัย
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.45 น. ที่รัฐสภา นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในคณะกรรมาธิการปกครอง วุฒิสภา พร้อมนพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ แถลงถึงผลการสัมมนาเชิงยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติภัย “ลดความตายบนท้องถนน” โดยนายยุทธนากล่าวว่าข้อสรุปของการสัมมนาดังกล่าวมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ได้แก่ 1.ให้จัดงบประมาณจำนวน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็น 10% มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศที่เสียปีละ 2 แสนล้านบาท 2.กำหนดมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนต่อเนื่องตบลอดทั้งปีไม่ใช่รณรงค์แค่ช่วง 7 วันอันตรายในช่วงเทศกาล 3.รัฐบาลต้องกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุก โดยนายกรัฐมนตรีต้องลงมากำกับเรื่องนี้ด้วยตนเอง 4.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องจัดหลักสูตรการขับขี่บนท้องถนนให้ประชาชนอย่างถูกต้อง

ด้าน นพ.แท้จริง กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยปรับปรุงมาตรการลดการตายบนท้องถนน ซึ่งช่วงเทศกาลจะมีการตายเท่าๆ กันในทุกปี และในปีนี้ เชื่อว่าจะไม่ต่ำกว่า 300 ราย เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่กลับกันที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ให้ความสำคัญกับเรื่องการกลัวไฟฟ้าจะดับ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวประสบความสำเร็จ จึงอยากถามว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องไฟฟ้ามากกว่าการตายของคนไทยใช่หรือไม่ แม้ที่ผ่านมาจะมี ส.ส.ต้องตาบอดจากการประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนรัฐบาลก็ยังไม่สนใจ อีกทั้งขณะนี้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้จัดลำดับให้ไทยติดอันดับ 3 ของประเทศที่มีอุบัติเหตุมากที่สุดในโลก โดยประเทศอังกฤษได้สร้างแอปพลิเคชันให้ประชาชนของตัวเองติดตามข้อมูลเรื่องความปลอดภัยในการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยให้ปลอดภัยได้อย่างไร ส่วนกรณีที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่าการเปิดศูนย์ป้องกัน 7 วันอันตรายโดยตั้งเป้าไม่ให้มีการเสียชีวิตเกิน 320 รายนั้น ตนไม่เข้าใจว่าเหตุใดตั้งเป้าว่าห้ามเกิน 320 ราย ทำไมไม่ตั้งเป้าให้ต่ำกว่า 320 ราย
กำลังโหลดความคิดเห็น