คสรท.เผยนายจ้างค้างส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคมกว่า 4 พันล้านบาท จี้ สปส.ตรวจสอบ ชี้ทำลูกจ้างสูงวัยและถูกเลิกจ้างได้รับเงินบำเหน็จชราภาพไม่ครบสิทธิ์
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการค้างส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทั้งหมด 33,071 ราย เป็นเงินทั้งหมด 4,047 ล้านบาท จึงอยากให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ตรวจสอบว่า ลูกจ้างที่มีสิทธิ์ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพและมีปัญหานายจ้างค้างส่งเงินสมทบมีทั้งหมดกี่คน อยู่ในสถานประกอบการใดบ้าง และรวบรวมข้อมูลรายชื่อไว้เพื่อที่เมื่อลูกจ้างกลุ่มนี้มายื่นขอรับเงินบำเหน็จชราภาพก็ขอให้ สปส.จ่ายเงินให้ครบถ้วนตามสิทธิ์ที่ควรได้รับ ส่วนลูกจ้างที่มายื่นเรื่องและรับเงินบำเหน็จชราภาพไปแล้ว แต่ได้รับเงินไม่ครบถ้วนตาม สิทธิที่ควรได้รับ ก็ให้สปส.มีหนังสือแจ้งไปยังลูกจ้างเพื่อให้มารับเงินในส่วนที่เหลือ
“ล่าสุดได้ไปร้องเรียนต่อนายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการ สปส.เพื่อขอให้ช่วยแก้ปัญหากรณีแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีบริบูรณ์และถูกเลิกจ้าง เพราะสถานประกอบการประสบภาวะขาดทุนได้รับเงินบำเหน็จชราภาพไม่ครบตามสิทธิ์ที่ควรได้รับ ซึ่งเท่าที่ คสรท.มีข้อมูลขณะนี้มีแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจาก 3 บริษัท รวมประมาณ 200 คน ที่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจาก สปส.และหลายคนก็ไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัดและรับเงินนี้มาแล้ว แต่ได้รับเงินไม่ควรถ้วนตามสิทธิที่ควรได้รับ เนื่องจากนายจ้างค้างส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ซึ่งโดยเฉลี่ยนายจ้างค้างส่งมาเป็นเวลา 3-4 ปี” รองประธาน คสรท.กล่าว
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้แก้ไขแนวปฏิบัติใหม่และจะทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานประกันสังคมทุกจังหวัดให้ได้รับทราบ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เมื่อผู้ประกันตนไปยื่นเรื่องของรับเงินบำเหน็จชราภาพ เจ้าหน้าที่ สปส.จะต้องจ่ายเงินให้ครบถ้วนตามสิทธิที่ผู้ประกันตนควรได้รับ เนื่องจากปัญหานายจ้างค้างส่งเงินสมทบเป็นเรื่องระหว่าง สปส.กับนายจ้าง ซึ่ง สปส.จะต้องติดตามวงเงินส่วนนี้มาเข้ากองทุน
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการค้างส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทั้งหมด 33,071 ราย เป็นเงินทั้งหมด 4,047 ล้านบาท จึงอยากให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ตรวจสอบว่า ลูกจ้างที่มีสิทธิ์ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพและมีปัญหานายจ้างค้างส่งเงินสมทบมีทั้งหมดกี่คน อยู่ในสถานประกอบการใดบ้าง และรวบรวมข้อมูลรายชื่อไว้เพื่อที่เมื่อลูกจ้างกลุ่มนี้มายื่นขอรับเงินบำเหน็จชราภาพก็ขอให้ สปส.จ่ายเงินให้ครบถ้วนตามสิทธิ์ที่ควรได้รับ ส่วนลูกจ้างที่มายื่นเรื่องและรับเงินบำเหน็จชราภาพไปแล้ว แต่ได้รับเงินไม่ครบถ้วนตาม สิทธิที่ควรได้รับ ก็ให้สปส.มีหนังสือแจ้งไปยังลูกจ้างเพื่อให้มารับเงินในส่วนที่เหลือ
“ล่าสุดได้ไปร้องเรียนต่อนายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการ สปส.เพื่อขอให้ช่วยแก้ปัญหากรณีแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีบริบูรณ์และถูกเลิกจ้าง เพราะสถานประกอบการประสบภาวะขาดทุนได้รับเงินบำเหน็จชราภาพไม่ครบตามสิทธิ์ที่ควรได้รับ ซึ่งเท่าที่ คสรท.มีข้อมูลขณะนี้มีแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจาก 3 บริษัท รวมประมาณ 200 คน ที่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจาก สปส.และหลายคนก็ไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัดและรับเงินนี้มาแล้ว แต่ได้รับเงินไม่ควรถ้วนตามสิทธิที่ควรได้รับ เนื่องจากนายจ้างค้างส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ซึ่งโดยเฉลี่ยนายจ้างค้างส่งมาเป็นเวลา 3-4 ปี” รองประธาน คสรท.กล่าว
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้แก้ไขแนวปฏิบัติใหม่และจะทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานประกันสังคมทุกจังหวัดให้ได้รับทราบ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เมื่อผู้ประกันตนไปยื่นเรื่องของรับเงินบำเหน็จชราภาพ เจ้าหน้าที่ สปส.จะต้องจ่ายเงินให้ครบถ้วนตามสิทธิที่ผู้ประกันตนควรได้รับ เนื่องจากปัญหานายจ้างค้างส่งเงินสมทบเป็นเรื่องระหว่าง สปส.กับนายจ้าง ซึ่ง สปส.จะต้องติดตามวงเงินส่วนนี้มาเข้ากองทุน