แม้ว่าอาการสายตาสั้น จะไม่ใช่โรคอันตราย แต่การสายตาสั้น อาจนำไปสู่การเป็นโรคทางดวงตาอย่างต้อหิน หรืออื่นๆ ได้ หลายคนเลือกที่จะหาคอนแทกต์เลนส์มาใส่ แต่คุณมั่นใจแล้วหรือยังว่าคอนแทกต์เลนส์ที่เลือกให้กับอวัยวะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิต ถูกต้องเหมาะสมแล้ว
พ.ต.อ.นายแพทย์ คำนูณ อธิภาส หัวหน้าแผนกจักษุแพทย์ คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา ให้ข้อมูลว่า อาการสายตาสั้นนั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ สายตาสั้นตั้งแต่ระยะ 0 ไปจนถึง 400 เรียกว่าสายตาสั้นน้อย 400-800 คือสั้นปานกลาง แต่ถ้าเกินกว่า 800 ขึ้นไป ถือว่าสั้นมาก
“คนที่สายตาสั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจะถือว่าอยู่ในข่ายเป็นโรค ต้องได้รับการตรวจ ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูความหนาของประสาทตา และเช็กเรื่องต้อหิน” นายแพทย์ คำนูณ กล่าว
สายตาสั้นเกิดจากสองปัจจัย คือ พันธุกรรม และการใช้สายตา ในช่วงหลายปีมานี้ สถิติระบุว่า เด็กในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน รวมถึงสิงคโปร์ มีอัตราการเพิ่มขึ้นของเด็กสาวตาสั้นเยอะมาก บางประเทศเพิ่มถึง 40 เปอร์เซ็นต์ จากสถิตินี้ ทำให้ประเมินได้ว่า วิถีชีวิตสมัยใหม่มีส่วนอย่างสำคัญต่อการสายตาสั้นที่เพิ่มขึ้นนี้
“ที่เจอบ่อยๆ ในเด็ก คือให้เราสังเกตว่า เขามักจะขยี้หรือหยีตามอง หรือว่าเดินเข้าไปใกล้วัสดุที่ต้องการมอง เดินไปใกล้ทีวีมากขึ้น หรือเวลาดูหนังสือ ก็ดึงหนังสือเข้ามาใกล้สายตาตัวเองมากขึ้น อันนี้ก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าเริ่มมีอาการสายตาสั้น”
วิธีการป้องกัน นายแพทย์ คำนูณ แนะว่าจะต้องฝึกการคลายกล้ามเนื้อ คือมองออกไปกว้างๆ บ้าง มองอะไรที่เขียวๆ โดยไม่ต้องโฟกัสที่อะไรเลย จะทำให้กล้ามเนื้อสายตาไม่ยึดอยู่ในท่าเกร็งตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอาการสายตาสั้น หลายคนเลือกที่จะหาตัวช่วย บางคนอาจจะตัดสินใจตัดแว่นไปเลย แต่ทว่าสำหรับคนที่ห่วงหล่อห่วงสวย อาจจะมองหาคอนแทกต์เลนส์ นายแพทย์ คำนูณ ให้ข้อมูลว่า คอนแทกต์เลนส์นั้นมีอยู่สองอย่าง คือเลนส์นิ่ม กับเลนส์แข็ง
“คอนแทกต์เลนส์แต่เดิมมีเลนส์แข็งอย่างเดียว ก่อนจะมีแยกออกไปเป็นเลนส์นิ่ม เลนส์นิ่มก็อย่างที่สาวๆ ใส่ไปทำงาน เลนส์นิ่มจะยืดไปตามตา มันอาจจะใส่สบายในตอนต้น แต่มักจะตามมาด้วยปัญหาของการสะสมของคราบสิ่งสกปรก มีอาการอักเสบหรือแพ้ได้ง่ายขึ้น ส่วนเลนส์แข็ง ข้อเสียคือแข็ง เมื่อใส่ในระหว่างวัน เวลากะพริบตา หนังตาจะไปเลื่อนเลนส์ จะทำให้เกิดการระคายเคือง”
“การใส่คอนแทกต์เลนส์ ย่อมมีความเสี่ยงทั้งนั้น ไม่ว่าจะเลนส์ตาโตหรือเลนส์ตาใส ทุกชนิดทำให้เราติดเชื้อได้ทั้งนั้น ดังนั้น เมื่อใส่แล้ว ก็สมควรที่จะตรวจเช็กเป็นระยะๆ ทุกหกเดือน ว่าท่านใส่ถูกต้องไหม คับหรือหลวมไปหรือเปล่า ถ้าตาเราเหมาะกับการใส่คอนแทกต์เลนส์หลวมๆ ถ้ามันคับไป ก็จะเกิดการบีบดวงตา ถ้าเราเหมาะกับการใส่เลนส์คับ แต่เราไปใส่เลนส์หลวม เลนส์นั้นก็จะยับย่นเพราะว่ามันหลวมเกินไป และเกิดปัญหากับดวงตาได้”
นายแพทย์ คำนูณ กล่าวพร้อมปิดท้ายว่า การจะรักษาดวงตาซึ่งถือเป็นหน้าต่างของดวงใจ ทางที่ดี อย่าหาคอนแทกต์เลนส์ใส่เอง แต่ควรได้พบแพทย์เพื่อที่จะเลือกคอนแทกต์เลนส์ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับดวงตาของเราจริงๆ และไม่เกิดอันตรายต่อดวงตาด้วย
ล้อมกรอบ
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo
พ.ต.อ.นายแพทย์ คำนูณ อธิภาส หัวหน้าแผนกจักษุแพทย์ คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา ให้ข้อมูลว่า อาการสายตาสั้นนั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ สายตาสั้นตั้งแต่ระยะ 0 ไปจนถึง 400 เรียกว่าสายตาสั้นน้อย 400-800 คือสั้นปานกลาง แต่ถ้าเกินกว่า 800 ขึ้นไป ถือว่าสั้นมาก
“คนที่สายตาสั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจะถือว่าอยู่ในข่ายเป็นโรค ต้องได้รับการตรวจ ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูความหนาของประสาทตา และเช็กเรื่องต้อหิน” นายแพทย์ คำนูณ กล่าว
สายตาสั้นเกิดจากสองปัจจัย คือ พันธุกรรม และการใช้สายตา ในช่วงหลายปีมานี้ สถิติระบุว่า เด็กในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน รวมถึงสิงคโปร์ มีอัตราการเพิ่มขึ้นของเด็กสาวตาสั้นเยอะมาก บางประเทศเพิ่มถึง 40 เปอร์เซ็นต์ จากสถิตินี้ ทำให้ประเมินได้ว่า วิถีชีวิตสมัยใหม่มีส่วนอย่างสำคัญต่อการสายตาสั้นที่เพิ่มขึ้นนี้
“ที่เจอบ่อยๆ ในเด็ก คือให้เราสังเกตว่า เขามักจะขยี้หรือหยีตามอง หรือว่าเดินเข้าไปใกล้วัสดุที่ต้องการมอง เดินไปใกล้ทีวีมากขึ้น หรือเวลาดูหนังสือ ก็ดึงหนังสือเข้ามาใกล้สายตาตัวเองมากขึ้น อันนี้ก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าเริ่มมีอาการสายตาสั้น”
วิธีการป้องกัน นายแพทย์ คำนูณ แนะว่าจะต้องฝึกการคลายกล้ามเนื้อ คือมองออกไปกว้างๆ บ้าง มองอะไรที่เขียวๆ โดยไม่ต้องโฟกัสที่อะไรเลย จะทำให้กล้ามเนื้อสายตาไม่ยึดอยู่ในท่าเกร็งตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอาการสายตาสั้น หลายคนเลือกที่จะหาตัวช่วย บางคนอาจจะตัดสินใจตัดแว่นไปเลย แต่ทว่าสำหรับคนที่ห่วงหล่อห่วงสวย อาจจะมองหาคอนแทกต์เลนส์ นายแพทย์ คำนูณ ให้ข้อมูลว่า คอนแทกต์เลนส์นั้นมีอยู่สองอย่าง คือเลนส์นิ่ม กับเลนส์แข็ง
“คอนแทกต์เลนส์แต่เดิมมีเลนส์แข็งอย่างเดียว ก่อนจะมีแยกออกไปเป็นเลนส์นิ่ม เลนส์นิ่มก็อย่างที่สาวๆ ใส่ไปทำงาน เลนส์นิ่มจะยืดไปตามตา มันอาจจะใส่สบายในตอนต้น แต่มักจะตามมาด้วยปัญหาของการสะสมของคราบสิ่งสกปรก มีอาการอักเสบหรือแพ้ได้ง่ายขึ้น ส่วนเลนส์แข็ง ข้อเสียคือแข็ง เมื่อใส่ในระหว่างวัน เวลากะพริบตา หนังตาจะไปเลื่อนเลนส์ จะทำให้เกิดการระคายเคือง”
“การใส่คอนแทกต์เลนส์ ย่อมมีความเสี่ยงทั้งนั้น ไม่ว่าจะเลนส์ตาโตหรือเลนส์ตาใส ทุกชนิดทำให้เราติดเชื้อได้ทั้งนั้น ดังนั้น เมื่อใส่แล้ว ก็สมควรที่จะตรวจเช็กเป็นระยะๆ ทุกหกเดือน ว่าท่านใส่ถูกต้องไหม คับหรือหลวมไปหรือเปล่า ถ้าตาเราเหมาะกับการใส่คอนแทกต์เลนส์หลวมๆ ถ้ามันคับไป ก็จะเกิดการบีบดวงตา ถ้าเราเหมาะกับการใส่เลนส์คับ แต่เราไปใส่เลนส์หลวม เลนส์นั้นก็จะยับย่นเพราะว่ามันหลวมเกินไป และเกิดปัญหากับดวงตาได้”
นายแพทย์ คำนูณ กล่าวพร้อมปิดท้ายว่า การจะรักษาดวงตาซึ่งถือเป็นหน้าต่างของดวงใจ ทางที่ดี อย่าหาคอนแทกต์เลนส์ใส่เอง แต่ควรได้พบแพทย์เพื่อที่จะเลือกคอนแทกต์เลนส์ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับดวงตาของเราจริงๆ และไม่เกิดอันตรายต่อดวงตาด้วย
ล้อมกรอบ
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo
