xs
xsm
sm
md
lg

อีก 12 ปี ไทยมีผู้สูงอายุ 80 ปี เกิน 1 ล้านคน เร็วที่สุดในอาเซียน!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตะลึง! ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุเร็วสุดในอาเซียน คาด 12 ปีข้างหน้า จะมีผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไปมากกว่า 1 ล้านคน สธ.เร่งจับมือ พม.และไจก้า พัฒนารูปแบบบริการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวทั้งการแพทย์และสังคม เน้นชุมชนมีส่วนร่วม หวังลดภาระครอบครัว อัตรารักษาตัวในโรงพยาบาล เริ่มนำร่องต้นแบบ 6 จังหวัด ใช้เวลาศึกษา 5 ปี

วันนี้ (12 ก.พ.) นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนารูปแบบบริการระยะยาวดูแลผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพิง รวมทั้งกลุ่มอายุอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน (Long-Term care service development for the frail elderly and other vulnerable people) ร่วมกับนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายคิมิโนริ อิมามะ รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ดร.คาซูชิ ยามาอูจิ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงอนามัย แรงงาน และสวัสดิการของประเทศญี่ปุ่น และนายคาซูฮีโร โยเนดะ หัวหน้าผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (ไจก้า)

โดย นพ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ฐานประชากรไทยขณะนี้ พบว่า ไทยเป็นประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลง อัตราส่วนประชากรวัยสูงอายุเท่ากับ 1 ใน 2 ของประชากรเด็ก ทำให้เกิดสภาวะการพึ่งพิงทางสังคมมากขึ้น โดยผู้สูงอายุในอนาคตจะมีผู้ดูแลน้อยลง นอกจากนี้ ปัจจุบันไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปกว่า 8.1 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 12 ของประชากรทั้งประเทศ ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป ประมาณร้อยละ 9.8 หรือราว 8 แสนคน ซึ่งเป็นวัยที่มีปัญหาสุขภาพมากขึ้นโดยเฉพาะโรคเรื้อรัง

คาดว่าจำนวนผู้สูงอายุกลุ่มนี้จะเพิ่มเป็นร้อยละ 12.4 ในปี 2568 หรือกว่า 1 ล้านคน ในอีก 12 ปีข้างหน้า จึงต้องเร่งพัฒนาจัดหารูปแบบการจัดบริการรยะยะยาวแก่ผู้สูงอายุเหล่านี้ รวมทั้งกลุ่มอื่นที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ด้วย เช่น ผู้พิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อย่างเหมาะสมกับสวัสดิการอื่นๆ และสภาพสังคมไทยที่สุด โดยให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการดูแล เพื่อลดภาระครอบครัว ลดอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่กับครอบครัว ชุมชนของตนเองอย่างอบอุ่น เบื้องต้นนำร่องต้นแบบที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร” รองปลัด สธ.กล่าว

นพ.ชาญวิทย์ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาระยะยาว ต้องทำให้โครงสร้างอายุประชากรสมดุล คือผู้หญิง 1 คนต้องมีบุตรเฉลี่ย 2.1 คน ซึ่งขณะนี้มีแค่ 1.5 จึงมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการพัฒนาระบบบริการดังกล่าว สธ.ได้ร่วมกับ พม.และไจก้า ประเทศญี่ปุ่น ดำเนินการจัดหารูปแบบเน้นหนักที่การลดภาระของครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุ โดยให้อยู่กับครอบครัวให้นานที่สุด และการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้เกิดความยั่งยืนต่อเนื่อง ดำเนินการ 5 ปี ระหว่าง พ.ศ.2556-2560 โครงการดังกล่าวนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดจากโครงการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคมเชิงบูรณาการโดยชุมชนสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย (CTOP) ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน 2 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการบริหารโครงการ คณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานทั้งในและนอกสังกัด และผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่น มีหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางดำเนินงานมีปลัด สธ.และปลัด พม.เป็นประธาน และชุดคณะกรรมการดำเนินงานในพื้นที่
กำลังโหลดความคิดเห็น