อย.โอดกำลังคนด่านอาหารและยา ไม่เพียงพอ เตรียมชง รมว.สาธารณสุข ขอเพิ่มอีก 173 คน เผยปรับโฉมด่านใช้ระบบ NSW ควบคุมสินค้าเข้าออก คาด ปี 2556 จะครอบคลุมสินค้านำเข้าทั้งหมดที่ อย.ดูแล พร้อมปรับ พ.ร.บ.อีก 3 ฉบับ รองรับการเปิดเออีซี
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ปัจจุบัน อย.มีด่านอาหารและยาทั่วประเทศ 44 แห่ง ใน 41 จังหวัด ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบไม่ให้มีการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย แต่ปัจจุบันพบว่ามีปัญหาในเรื่องของกำลังคน โดยตามกฎหมายในการตรวจสอบอาหารและยา จะต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่รัฐ แต่พบว่ามีข้าราชการด่านอาหารและยาเพียง 41 คน โดยมีลูกจ้างจ้างเหมา 88 คน ซึ่งในการตรวจสอบจะต้องมีข้าราชการร่วมตรวจด้วยอย่างน้อย 1 คน ทำให้กำลังคนถือเป็นปัญหาอย่างมาก คาดว่า ถ้าจะให้เพียงพอต้องใช้กำลังคน 173 คน ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข เพื่อพิจารณาต่อไป
นพ.บุญชัย กล่าวอีกว่า ส่วนของการวางมาตรการควบคุมสินค้าเข้าออก โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของอาหารและยา ในการเปิดประชาคมเสรีอาเซียนปี 2558 ได้นำ National Single Window (NSW) มาใช้ โดยขณะนี้ได้ทำแล้วในสินค้านำเข้าประเภท เครื่องสำอาง และคาดว่า ในเดือน เม.ย.2556 จะเริ่มใช้ในวัตถุอันตราย และจะใช้ให้ครอบคลุมทั้งหมดปี 2556 ทั้งนี้ เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อย.อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.3 ฉบับ ได้แก่ 1.พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 2.พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2535 และ 3.พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ซึ่งคาดว่าหากมีผลบังคับใช้ จะช่วยให้การดำเนินการรองรับการเปิดอาเซียนมีความพร้อมและประสิทธิภาพมากขึ้น
นพ.ชาญชัย เอื้อชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักด่านอาหารและยา กล่าวว่า การตรวจสอบสินค้านำเข้าจากประเทศอาเซียนได้มีการนำระบบ NSW มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่จะทำให้มีการตรวจสอบและปล่อยสินค้าสะดวกรวดเร็วขึ้น โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นขอคำร้องกลางแบบออนไลน์ โดยมีกรมศุลกากร เป็นเจ้าภาพหลักในการตรวจสอบการยื่นคำขอ หากพบว่า สินค้าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดก็จะส่งต่อ เช่น สินค้าเป็นผัก ก็จะส่งคำร้องให้อย.หรือด่านพืช เมื่ออย. ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ก็จะส่งข้อมูลต่อให้ด่านอาหารและยา อนุญาตให้นำเข้าได้ แต่หากเป็นสินค้ากลุ่มเสี่ยง หรือเจ้าหน้าที่ด่านพิจารณาว่าอาจก่อให้เกิดอันตราย สามารถชักสินค้าตรวจสอบก่อนนำเข้าได้ ทั้งนี้ การยื่นคำขอกลางสามารถดำเนินการก่อนนำเข้าได้ 30 วัน
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ปัจจุบัน อย.มีด่านอาหารและยาทั่วประเทศ 44 แห่ง ใน 41 จังหวัด ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบไม่ให้มีการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย แต่ปัจจุบันพบว่ามีปัญหาในเรื่องของกำลังคน โดยตามกฎหมายในการตรวจสอบอาหารและยา จะต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่รัฐ แต่พบว่ามีข้าราชการด่านอาหารและยาเพียง 41 คน โดยมีลูกจ้างจ้างเหมา 88 คน ซึ่งในการตรวจสอบจะต้องมีข้าราชการร่วมตรวจด้วยอย่างน้อย 1 คน ทำให้กำลังคนถือเป็นปัญหาอย่างมาก คาดว่า ถ้าจะให้เพียงพอต้องใช้กำลังคน 173 คน ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข เพื่อพิจารณาต่อไป
นพ.บุญชัย กล่าวอีกว่า ส่วนของการวางมาตรการควบคุมสินค้าเข้าออก โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของอาหารและยา ในการเปิดประชาคมเสรีอาเซียนปี 2558 ได้นำ National Single Window (NSW) มาใช้ โดยขณะนี้ได้ทำแล้วในสินค้านำเข้าประเภท เครื่องสำอาง และคาดว่า ในเดือน เม.ย.2556 จะเริ่มใช้ในวัตถุอันตราย และจะใช้ให้ครอบคลุมทั้งหมดปี 2556 ทั้งนี้ เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อย.อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.3 ฉบับ ได้แก่ 1.พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 2.พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2535 และ 3.พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ซึ่งคาดว่าหากมีผลบังคับใช้ จะช่วยให้การดำเนินการรองรับการเปิดอาเซียนมีความพร้อมและประสิทธิภาพมากขึ้น
นพ.ชาญชัย เอื้อชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักด่านอาหารและยา กล่าวว่า การตรวจสอบสินค้านำเข้าจากประเทศอาเซียนได้มีการนำระบบ NSW มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่จะทำให้มีการตรวจสอบและปล่อยสินค้าสะดวกรวดเร็วขึ้น โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นขอคำร้องกลางแบบออนไลน์ โดยมีกรมศุลกากร เป็นเจ้าภาพหลักในการตรวจสอบการยื่นคำขอ หากพบว่า สินค้าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดก็จะส่งต่อ เช่น สินค้าเป็นผัก ก็จะส่งคำร้องให้อย.หรือด่านพืช เมื่ออย. ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ก็จะส่งข้อมูลต่อให้ด่านอาหารและยา อนุญาตให้นำเข้าได้ แต่หากเป็นสินค้ากลุ่มเสี่ยง หรือเจ้าหน้าที่ด่านพิจารณาว่าอาจก่อให้เกิดอันตราย สามารถชักสินค้าตรวจสอบก่อนนำเข้าได้ ทั้งนี้ การยื่นคำขอกลางสามารถดำเนินการก่อนนำเข้าได้ 30 วัน
