สวัสดีปีใหม่คุณผู้อ่านทุกท่าน ปีใหม่นี้ผมอยากชวนพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนมอบของขวัญให้ลูกหลานของเราครับ
ของขวัญที่ว่า คือ สร้างให้ลูกหลานของเรามี “ทักษะ” ในจัดการชีวิตของตัวเอง ทักษะที่ว่า คือ การส่งเสริมให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนเพศศึกษาที่รอบด้านซึ่งไม่ได้หมายถึงการเรียนเฉพาะสรีระร่างกาย เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการรู้จักอุปกรณ์คุมกำเนิดเหมือนที่วิชาสุขศึกษาสอนกันอยู่เท่านั้น แต่หมายถึงการที่เยาวชนจะได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็น เช่น ทักษะในการปฏิเสธหากไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ ทักษะในการยืนยันความต้องการของตัวเองในเรื่องเพศ ทักษะในการขอความช่วยเหลือหากเผชิญปัญหาทางเพศ รวมถึงได้เรียนรู้ทัศนคติเรื่องเพศ ทั้งนอกกรอบและในกรอบสังคมที่ส่งผลต่อการป้องกันตัวเอง พูดง่ายๆ ก็คือว่า เพศศึกษารอบด้านจะช่วยให้ลูกหลานของเรามี “ข้อมูล ทัศนคติ และทักษะ” ที่จำเป็นสำหรับการจัดการชีวิตของตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต
การจัดการชีวิตตัวเองได้เป็นเรื่องสำคัญนะครับ เพราะต่อให้ลูกหลานของเราเรียนเก่งแค่ไหนแต่หากขาดทักษะที่จะจัดการชีวิตของตัวเองได้เมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ปัญหาต่างๆ ความเก่งด้านวิชาการจะไม่มีประโยชน์เลย ผมได้ยินคุณครูหลายท่านเล่าให้ฟังว่า เด็กที่ตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่เรียนดี เป็นเด็กเรียบร้อยของห้อง ในขณะที่เด็กกลุ่ม “เซี้ยว” กลับเอาตัวรอดจนจบ ม.3 หรือ ม.6 ไม่เผชิญปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยเรียน เรื่องเหล่านี้จะบอกอะไรเราครับถ้าไม่ใช่ว่าเด็กบางกลุ่มของเรากำลัง “ขาด” ทักษะบางอย่างในการจัดการชีวิตทางเพศของตัวเอง
แต่การผลักดันให้โรงเรียนสอนเพศศึกษาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะทัศนคติของสังคมในบ้านเราก็ยังเชื่อว่าการสอนเพศศึกษา คือ การชี้โพรงให้กระรอก โดยเฉพาะการสอนให้กับเด็กที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ โรงเรียนยังมีภารกิจอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะช่วงนี้ที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) จะเข้ามาประเมินคุณภาพโรงเรียน ทำให้โรงเรียนไม่เป็นอันทำอะไรเลยครับ เพราะต้องตระเตรียมเอกสาร หลักฐาน รวมถึงปรับปรุงภูมิทัศน์รอรับการประเมิน ยังไม่นับรวมถึงงานอื่นๆ ที่โรงเรียนจะต้องเตรียมเด็กเข้าไปมีส่วนร่วม เช่น การแสดงหรือการประกวด แข่งขันต่างๆ ที่หลายหน่วยงานจัดขึ้น คุณครูหลายท่านแอบกระซิบว่าเทอมๆ หนึ่งแทบไม่ต้องสอนหนังสือกันเลยครับ
อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า ยังไงเสียภารกิจหลักของโรงเรียน คือ การจัดการเรียนการสอนเพื่อเตรียมเยาวชนของเราให้พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในวันข้างหน้า (ไม่ว่าเราจะเข้าสู่อาเซียน ยูโรเปียน หรืออะไรก็ตาม) และเป็นการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้เรียน “ทุกคน” ไม่ใช่สำหรับเด็กบางกลุ่ม ซึ่งเพศศึกษาที่รอบด้านเป็นวิชาที่ตอบโจทย์ชีวิตสำหรับเด็กทุกคนเพราะไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเรียนเก่งหรือไม่เก่งก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วเด็กก็จะต้องมีชีวิตทางเพศ และเมื่อนั้นแหละครับ “ข้อมูล ทัศนคติ และทักษะ” จะจำเป็นอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเลือกวิถีทางเพศของพวกเขา
ที่เล่ามาทั้งหมด ผมหวังครับว่า “ผู้ปกครอง” จะมีส่วนช่วยกันผลักดันให้โรงเรียนจัดการเรียนรู้เพศศึกษาที่รอบด้านให้กับเยาวชน เพราะผมเชื่อว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกหลานของตัวเองต้องตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือกระทั่งติดเชื้อเอชไอวี ตอนนี้ประเทศเรามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ปีละกว่า 12,000 คน และครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นเยาวชน เราคงไม่อยากให้ลูกหลานเป็น 1 ใน 6,000 ใช่ไหมครับ
อยากชวนมาช่วยกัน “กระตุก” ผู้มีอำนาจในการกระทรวงศึกษาหรือผู้มีอำนาจในพื้นที่ให้เห็นความสำคัญเรื่องนี้ ผู้ปกครองเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยกันทำให้เห็นว่าสถานการณ์เรื่องเพศเรื่องเอดส์ของเยาวชนอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงและการจัดการเรียนรู้เพศศึกษารอบด้านสามารถช่วยคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าวได้ เรื่องนี้ต้องผลักให้เป็นยุทธศาสตร์ของจังหวัดครับ และผมกล้าพูดตรงนี้ว่าไม่มีจังหวัดไหนที่ไม่มีปัญหาเรื่องเพศเรื่องเอดส์ในเยาวชน อยู่ที่ว่าจังหวัดของเราจะเห็นความสำคัญแค่ไหน เริ่มก่อนก็แก้ปัญหาได้ก่อนครับ หากเรื่องนี้เป็นยุทธศาสตร์ของจังหวัดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นโรงเรียนก็ต้องสอนเพศศึกษาแน่ๆ และเมื่อโรงเรียนสอนเพศศึกษาอย่างรอบด้าน ลูกหลานของเราก็จะมีทักษะในการจัดการชีวิตทางเพศจนนำไปสู่การมีสุขภาวะที่ดี
“ส่งเสียง” ดังๆ เลยครับ จะได้ถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับลูกหลานของเราด้วย