เด็กสมัครสอบวิชาสามัญ 7 วิชากว่า 1.3 แสนคน ในระบบเคลียริงเฮาส์ สทศ.ย้ำตรวจเช็กเลขที่นั่งสอบและสนามสอบ อ่านประกาศให้เข้าใจ อย่าลืมหลักฐานการเข้าห้องสอบ
รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สทศ. พร้อมที่จะจัดสอบวิชาสามัญ 7 วิชา ประจำปีการศึกษา 2556 ที่จะนำคะแนนมาใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบรับตรงส่วนกลาง หรือระบบเคลียริงเฮาส์ แล้ว โดยจะจัดสอบพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 5-6 ม.ค.2556 และประกาศผลสอบ วันที่ 11 ก.พ.2556 ซึ่งที่ผ่านมาสทศ.ได้ประชุมทำความเข้าใจและกำชับศูนย์สอบและสนามสอบให้คุมสอบอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องทำให้เป็นห้องสอบ และสนามสอบสีขาว ไม่มีการทุจริตเด็ดขาด ซึ่งระหว่างนี้สทศ.ได้เริ่มทยอยส่งข้อสอบไปให้สนามสอบต่าง ๆแล้ว และการสอบครั้งนี้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามสอบด้วย โดยวันที่5 ม.ค. 2556 ตรวจเยี่ยมสนามสอบ รร.สารวิทยา และวันที่ 6 ม.ค.2556สนามสอบ รร.วัดเขมาภิรตาราม ด้วย สำหรับจำนวนผู้เข้าสอบครั้งนี้ 133,160 คน แยกเป็นสอบวิชาภาษาไทย 129,130 คน สังคมศึกษา 128,897 คน ภาษาอังกฤษ 130,815 คน คณิตศาสตร์ 119,059 คน ฟิสิกส์ 83,555 คน เคมี 83,661คน และชีววิทยา 85,008 คน ซึ่งยอดสมัครของปีนี้กับไปที่ผ่านมาถือว่าใกล้เคียงกัน โดยการสอบครั้งนี้ สทศ.ยัง เพิ่มศูนย์สอบอีก 4 ศูนย์ จาก 7 ศูนย์ เป็น 11 ศูนย์ และมีจำนวนสนามสอบ 100 สนาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเด็กนักเรียนที่จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล และเสียค่าใช้จ่ายมาก
“นักเรียนสามารถที่จะดูรูปแบบและจำนวนข้อสอบ เนื้อหาการสอบ และกระดาษคำตอบ 7 วิชาสามัญ ได้ทางเว็บไซต์ สทศ. www.niets.or.th นอกจากนี้ ผมฝากผู้เข้าสอบทุกคนให้ตรวจสอบเลขที่นั่งสอบและสนามสอบให้ถูกต้อง เพื่อไม่ไปผิดสนามสอบ และอ่านประกาศ สทศ. เรื่องข้อปฎิบัติสำหรับผู้เข้าสอบวิชาการสามัญ 7 วิชา โดยเฉพาะเรื่องระเบียบการเข้าสอบต้องอ่านให้เข้าใจและปฎิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดจนทำให้เสียโอกาสเข้าสอบ ซึ่งสาเหตุที่จะทำให้นักเรียนไม่มีสิทธิ์เข้าสอบ เช่น ไม่มีเลขที่นั่งสอบ ไม่มีบัตรแสดงตน ไปผิดสนามสอบ ไปสายเกิน 30 นาที ในวิชาที่จะสอบ ห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารเข้าห้องสอบ ให้นั่งสอบจนหมดเวลา อนุญาตให้นำนาฬิกาธรรมดาที่ใช้ดูเวลาเข้าห้องสอบัตรประชาชน ที่สำคัญนักเรียนต้องเตรียมหลักฐานใช้ในการเข้าห้องสอบมาด้วยคือบัตรประชาชนหรือบัตรนักเรียนที่มีรูปถ่าย หรือ บัตรที่ราชการออกให้และมีรูปถ่าย ที่ยังไม่หมดอายุ” รศ.ดร.สัมพันธ์ กล่าว
รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สทศ. พร้อมที่จะจัดสอบวิชาสามัญ 7 วิชา ประจำปีการศึกษา 2556 ที่จะนำคะแนนมาใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบรับตรงส่วนกลาง หรือระบบเคลียริงเฮาส์ แล้ว โดยจะจัดสอบพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 5-6 ม.ค.2556 และประกาศผลสอบ วันที่ 11 ก.พ.2556 ซึ่งที่ผ่านมาสทศ.ได้ประชุมทำความเข้าใจและกำชับศูนย์สอบและสนามสอบให้คุมสอบอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องทำให้เป็นห้องสอบ และสนามสอบสีขาว ไม่มีการทุจริตเด็ดขาด ซึ่งระหว่างนี้สทศ.ได้เริ่มทยอยส่งข้อสอบไปให้สนามสอบต่าง ๆแล้ว และการสอบครั้งนี้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามสอบด้วย โดยวันที่5 ม.ค. 2556 ตรวจเยี่ยมสนามสอบ รร.สารวิทยา และวันที่ 6 ม.ค.2556สนามสอบ รร.วัดเขมาภิรตาราม ด้วย สำหรับจำนวนผู้เข้าสอบครั้งนี้ 133,160 คน แยกเป็นสอบวิชาภาษาไทย 129,130 คน สังคมศึกษา 128,897 คน ภาษาอังกฤษ 130,815 คน คณิตศาสตร์ 119,059 คน ฟิสิกส์ 83,555 คน เคมี 83,661คน และชีววิทยา 85,008 คน ซึ่งยอดสมัครของปีนี้กับไปที่ผ่านมาถือว่าใกล้เคียงกัน โดยการสอบครั้งนี้ สทศ.ยัง เพิ่มศูนย์สอบอีก 4 ศูนย์ จาก 7 ศูนย์ เป็น 11 ศูนย์ และมีจำนวนสนามสอบ 100 สนาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเด็กนักเรียนที่จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล และเสียค่าใช้จ่ายมาก
“นักเรียนสามารถที่จะดูรูปแบบและจำนวนข้อสอบ เนื้อหาการสอบ และกระดาษคำตอบ 7 วิชาสามัญ ได้ทางเว็บไซต์ สทศ. www.niets.or.th นอกจากนี้ ผมฝากผู้เข้าสอบทุกคนให้ตรวจสอบเลขที่นั่งสอบและสนามสอบให้ถูกต้อง เพื่อไม่ไปผิดสนามสอบ และอ่านประกาศ สทศ. เรื่องข้อปฎิบัติสำหรับผู้เข้าสอบวิชาการสามัญ 7 วิชา โดยเฉพาะเรื่องระเบียบการเข้าสอบต้องอ่านให้เข้าใจและปฎิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดจนทำให้เสียโอกาสเข้าสอบ ซึ่งสาเหตุที่จะทำให้นักเรียนไม่มีสิทธิ์เข้าสอบ เช่น ไม่มีเลขที่นั่งสอบ ไม่มีบัตรแสดงตน ไปผิดสนามสอบ ไปสายเกิน 30 นาที ในวิชาที่จะสอบ ห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารเข้าห้องสอบ ให้นั่งสอบจนหมดเวลา อนุญาตให้นำนาฬิกาธรรมดาที่ใช้ดูเวลาเข้าห้องสอบัตรประชาชน ที่สำคัญนักเรียนต้องเตรียมหลักฐานใช้ในการเข้าห้องสอบมาด้วยคือบัตรประชาชนหรือบัตรนักเรียนที่มีรูปถ่าย หรือ บัตรที่ราชการออกให้และมีรูปถ่าย ที่ยังไม่หมดอายุ” รศ.ดร.สัมพันธ์ กล่าว