“นพรัตน์” เผย มส.เห็นชอบ ค้นหาวัดต้นแบบ อนุรักษ์ผืนป่า จำนวน 2,600 แห่ง ถวายในหลวง-ราชินี ส่วนกรมป่าไม้ อุทยาน ขอให้เป็นตาสอดส่องการบุกรุกป่า
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า จากการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุม มส.ได้เห็นชอบ แนวทางการดำเนินการกรณี พศ.ขออนุญาตเข้าไปทำประโยชน์ในเขตป่าไม้ ของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ตามโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ ร่วมกับพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อให้พระสงฆ์มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่าไม้ และร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่อุทยานต่างๆ มีวัด สำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์อยู่จำนวน 6,084 แห่ง แบ่งเป็น กรมป่าไม้ 4,743 แห่ง กรมอุทยานฯ 531 แห่ง และพื้นที่อื่นๆ อีก 810 แห่ง
นายนพรัตน์ กล่าวด้วยว่า ทางกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ยังได้ประสานให้ พศ.ช่วยตรวจสอบว่า มีการบุกรุกเพิ่มเติมในพื้นที่ป่าไม้ที่อยู่ในความรับผิดชอบอีกหรือไม่ หรือในปัจจุบันที่พักสงฆ์ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวมีการปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคมแล้วหรือไม่ พร้อมทั้งยังได้แจ้งหลักเกณฑ์การขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้เพื่อกิจการทางศาสนา อาทิ การเข้าใช้พื้นที่ป่าต้องขออนุญาตผ่าน พศ.การอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าต้องไม่มีการตัดหรือทำลายต้นไม้ รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างต้องไม่กระทบต่อป่าไม้ ที่สำคัญ พระสงฆ์ต้องทำหน้าที่ส่งเสริมให้คนอนุรักษ์ป่า และร่วมรักษาผืนป่าด้วย
“พศ.เตรียมคัดเลือกวัด หรือสำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์ จำนวน 2,600 แห่ง เข้าร่วมโครงการปลูกป่า เนื่องในโอกาสฉลองพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อให้เป็นวัดต้นแบบในการฟื้นฟูป่า โดย พศ.จะทำหนังสือแจ้งไปยังจังหวัดและเจ้าคณะจังหวัด สำรวจวัดในสังกัดที่จะเข้าร่วมโครงการและพิจารณาคัดเลือกวัดที่มีผลงานด้านปลูกป่า และอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในการเป็นต้นแบบให้สังคมต่อไป”ผอ.พศ.กล่าวทิ้งท้าย
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า จากการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุม มส.ได้เห็นชอบ แนวทางการดำเนินการกรณี พศ.ขออนุญาตเข้าไปทำประโยชน์ในเขตป่าไม้ ของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ตามโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ ร่วมกับพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อให้พระสงฆ์มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่าไม้ และร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่อุทยานต่างๆ มีวัด สำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์อยู่จำนวน 6,084 แห่ง แบ่งเป็น กรมป่าไม้ 4,743 แห่ง กรมอุทยานฯ 531 แห่ง และพื้นที่อื่นๆ อีก 810 แห่ง
นายนพรัตน์ กล่าวด้วยว่า ทางกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ยังได้ประสานให้ พศ.ช่วยตรวจสอบว่า มีการบุกรุกเพิ่มเติมในพื้นที่ป่าไม้ที่อยู่ในความรับผิดชอบอีกหรือไม่ หรือในปัจจุบันที่พักสงฆ์ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวมีการปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคมแล้วหรือไม่ พร้อมทั้งยังได้แจ้งหลักเกณฑ์การขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้เพื่อกิจการทางศาสนา อาทิ การเข้าใช้พื้นที่ป่าต้องขออนุญาตผ่าน พศ.การอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าต้องไม่มีการตัดหรือทำลายต้นไม้ รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างต้องไม่กระทบต่อป่าไม้ ที่สำคัญ พระสงฆ์ต้องทำหน้าที่ส่งเสริมให้คนอนุรักษ์ป่า และร่วมรักษาผืนป่าด้วย
“พศ.เตรียมคัดเลือกวัด หรือสำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์ จำนวน 2,600 แห่ง เข้าร่วมโครงการปลูกป่า เนื่องในโอกาสฉลองพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อให้เป็นวัดต้นแบบในการฟื้นฟูป่า โดย พศ.จะทำหนังสือแจ้งไปยังจังหวัดและเจ้าคณะจังหวัด สำรวจวัดในสังกัดที่จะเข้าร่วมโครงการและพิจารณาคัดเลือกวัดที่มีผลงานด้านปลูกป่า และอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในการเป็นต้นแบบให้สังคมต่อไป”ผอ.พศ.กล่าวทิ้งท้าย