สธ.แถลงปิดโครงการเข้าพรรษาลดอ้วน ทำยอดลดน้ำหนักรวมได้เพียง 2,300 ตัน พลาดจากที่ตั้งเป้าไว้ 10,000 ตัน เผยแม้ไม่ได้ตามเป้า แต่เป็นการเริ่มต้นที่ดี แนะใช้สูตร 3 อ.2 ส.ลดน้ำหนักทุกวัน ช่วยลดอัตราการเกิดโรคได้
วันนี้ (29 พ.ย.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวปิดโครงการรณรงค์ทำความดีเข้าพรรษา ลดน้ำหนักสร้างสุขภาพดีวิถีชีวิตไทย ภายใต้แนวคิด “เข้าพรรษา ลดอ้วน สร้างบุญ : ได้บุญล้นใจ คนไทยลดอ้วน” ว่า โครงการรณรงค์ทำความดีเข้าพรรษาลดน้ำหนักฯ เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนตระหนักและตื่นตัวต่อการลดความอ้วนของตนเอง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพ เพื่อสกัดกั้นปัจจัยเสี่ยงจากภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนของคนไทยที่มีมากกว่า 17 ล้านคน โดยตั้งเป้าหมายโครงการลดน้ำหนักในผู้ที่มีภาวะอ้วนทั้งประเทศ 1 หมื่นตัน ในช่วงเข้าพรรษาตั้งแต่ 3 ส.ค.-31 ต.ค.ซึ่งจากการดำเนินโครงการดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 2,727,876 คน สามารถลดน้ำหนักได้รวม 2,300 ตัน คิดเป็นร้อยละ 23 ของเป้าที่ตั้งไว้ แม้ว่าจะไม่ได้ตามเป้าแต่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการดูแลสุขภาพ
นพ.สุริยะ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานให้ได้เกิดการเรียนรู้ตระหนักถึงโรคอ้วนใช้หลักการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม “3 อ.2 ส.” คือ 3 อ.ได้แก่ 1.อาหาร การบริโภคอาหารที่เหมาะสม ปลอดภัย ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักผลไม้ 2.ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ และ 3.สามารถจัดการอารมณ์ความเครียดได้เหมาะสม ส่วน 2 ส.ได้แก่ 1.ไม่ดื่มสุรา และ 2.ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ในการลดความอ้วน จากการดำเนินงานทำให้สามารถลดโรคต่างๆได้ เช่น โรงมะเร็งที่ปากมดลูก รังไข่ เต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ ซึ่งคนที่มีความอ้วนมากกว่าระดับมาตรฐานมีสิทธิเป็นมากกว่าคนปกติร้อยละ 33-35 และเสี่ยงเกิดโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ถึง 10 ล้านบาทในปีนี้ ทั้งนี้แม้โครงการจะได้ปิดลงแล้ว แต่สาธารณสุขยังมีการดำเนินการต่อไปในการที่จะเชิญชวนให้ผู้มีภาวะโรคอ้วน ร่วมปฏิบัติการออกกำลังกายต่อไป
วันนี้ (29 พ.ย.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวปิดโครงการรณรงค์ทำความดีเข้าพรรษา ลดน้ำหนักสร้างสุขภาพดีวิถีชีวิตไทย ภายใต้แนวคิด “เข้าพรรษา ลดอ้วน สร้างบุญ : ได้บุญล้นใจ คนไทยลดอ้วน” ว่า โครงการรณรงค์ทำความดีเข้าพรรษาลดน้ำหนักฯ เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนตระหนักและตื่นตัวต่อการลดความอ้วนของตนเอง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพ เพื่อสกัดกั้นปัจจัยเสี่ยงจากภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนของคนไทยที่มีมากกว่า 17 ล้านคน โดยตั้งเป้าหมายโครงการลดน้ำหนักในผู้ที่มีภาวะอ้วนทั้งประเทศ 1 หมื่นตัน ในช่วงเข้าพรรษาตั้งแต่ 3 ส.ค.-31 ต.ค.ซึ่งจากการดำเนินโครงการดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 2,727,876 คน สามารถลดน้ำหนักได้รวม 2,300 ตัน คิดเป็นร้อยละ 23 ของเป้าที่ตั้งไว้ แม้ว่าจะไม่ได้ตามเป้าแต่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการดูแลสุขภาพ
นพ.สุริยะ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานให้ได้เกิดการเรียนรู้ตระหนักถึงโรคอ้วนใช้หลักการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม “3 อ.2 ส.” คือ 3 อ.ได้แก่ 1.อาหาร การบริโภคอาหารที่เหมาะสม ปลอดภัย ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักผลไม้ 2.ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ และ 3.สามารถจัดการอารมณ์ความเครียดได้เหมาะสม ส่วน 2 ส.ได้แก่ 1.ไม่ดื่มสุรา และ 2.ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ในการลดความอ้วน จากการดำเนินงานทำให้สามารถลดโรคต่างๆได้ เช่น โรงมะเร็งที่ปากมดลูก รังไข่ เต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ ซึ่งคนที่มีความอ้วนมากกว่าระดับมาตรฐานมีสิทธิเป็นมากกว่าคนปกติร้อยละ 33-35 และเสี่ยงเกิดโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ถึง 10 ล้านบาทในปีนี้ ทั้งนี้แม้โครงการจะได้ปิดลงแล้ว แต่สาธารณสุขยังมีการดำเนินการต่อไปในการที่จะเชิญชวนให้ผู้มีภาวะโรคอ้วน ร่วมปฏิบัติการออกกำลังกายต่อไป
