รมช.สาธารณสุข เปิดอบรมศักยภาพ อสม.ลงพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เคาะประตูบ้านสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หาผู้ป่วยโรคคอตีบ เพื่อการดูแลรักษาที่รวดเร็ว พร้อมให้ อสม.เป็นผู้ให้ข่าวสารความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพขั้นต้น
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดการอบรมการพัฒนาศักยภาพ อสม.ในการขับเคลื่อนตำบลจัดการสุขภาพเพื่อประชาชนสุขภาพดี และมอบนโยบายเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ประจำหมู่บ้าน 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 1,500 คน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การจัดประชุมพัฒนาศักยภาพ อสม.ในการขับเคลื่อนตำบลจัดการสุขภาพเพื่อประชาชนสุขภาพดี ถือเป็นวาระสำคัญของสาธารณสุข ในการถ่ายถอดนโยบายที่สำคัญและเร่งด่วน เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในการขับเคลื่อนตำบลจัดการสุขภาพ การดูแลประชาชน การควบคุมป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคคอตีบที่พบการระบาดในบางพื้นที่ ผ่านประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนำความรู้ถ่ายทอดไปยัง อสม.ภาคใต้ทั้งหมด ซึ่งมีจำนวน 137,792 คน ที่ต้องดูแลประชาชนใน 9,000 หมู่บ้าน ซึ่งจากรายงานสถานการณ์โรคคอตีบของสำนักระบาด ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-22 พ.ย.55 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโรคคอตีบ 36 รายในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เลย 26 รายเพชรบูรณ์ 4 ราย หนองบัวลำภู 3 ราย สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และนครราชสีมา จังหวัดละ 1 ราย เสียชีวิต 3 ราย พบผู้ป่วยน่าจะเป็นอีก 7 ราย และเนื่องจากช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว เทศกาลปีใหม่ และการเคลื่อนย้ายแรงงานภาคเกษตร เกิดการรวมกลุ่มหรือชุมนุมกัน ทำให้มีโอกาสติดต่อถึงกันได้ อสม.จึงเป็นส่วนช่วยในการกระจายความรู้ไปตามชุมชนได้เป็นอย่างดี
“ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งรัดกิจกรรมดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ตามระดับสถานการณ์ปัญหาในพื้นที่ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการเชิงรุกที่สำคัญ คือ การให้ อสม.ลงพื้นที่ เคาะประตูบ้านสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ค้นหากลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก พร้อมทั้งค้นหาผู้ป่วย เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ ได้ให้ อสม.เป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสารความรู้กับประชาชนในพื้นที่ในการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน โดยเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ลดหวาน มันเค็ม การออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที และการลดสิ่งเสพติด เหล้า บุหรี่” รมช. สาธารณสุข กล่าว
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดการอบรมการพัฒนาศักยภาพ อสม.ในการขับเคลื่อนตำบลจัดการสุขภาพเพื่อประชาชนสุขภาพดี และมอบนโยบายเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ประจำหมู่บ้าน 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 1,500 คน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การจัดประชุมพัฒนาศักยภาพ อสม.ในการขับเคลื่อนตำบลจัดการสุขภาพเพื่อประชาชนสุขภาพดี ถือเป็นวาระสำคัญของสาธารณสุข ในการถ่ายถอดนโยบายที่สำคัญและเร่งด่วน เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในการขับเคลื่อนตำบลจัดการสุขภาพ การดูแลประชาชน การควบคุมป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคคอตีบที่พบการระบาดในบางพื้นที่ ผ่านประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนำความรู้ถ่ายทอดไปยัง อสม.ภาคใต้ทั้งหมด ซึ่งมีจำนวน 137,792 คน ที่ต้องดูแลประชาชนใน 9,000 หมู่บ้าน ซึ่งจากรายงานสถานการณ์โรคคอตีบของสำนักระบาด ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-22 พ.ย.55 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโรคคอตีบ 36 รายในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เลย 26 รายเพชรบูรณ์ 4 ราย หนองบัวลำภู 3 ราย สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และนครราชสีมา จังหวัดละ 1 ราย เสียชีวิต 3 ราย พบผู้ป่วยน่าจะเป็นอีก 7 ราย และเนื่องจากช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว เทศกาลปีใหม่ และการเคลื่อนย้ายแรงงานภาคเกษตร เกิดการรวมกลุ่มหรือชุมนุมกัน ทำให้มีโอกาสติดต่อถึงกันได้ อสม.จึงเป็นส่วนช่วยในการกระจายความรู้ไปตามชุมชนได้เป็นอย่างดี
“ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งรัดกิจกรรมดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ตามระดับสถานการณ์ปัญหาในพื้นที่ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการเชิงรุกที่สำคัญ คือ การให้ อสม.ลงพื้นที่ เคาะประตูบ้านสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ค้นหากลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก พร้อมทั้งค้นหาผู้ป่วย เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ ได้ให้ อสม.เป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสารความรู้กับประชาชนในพื้นที่ในการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน โดยเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ลดหวาน มันเค็ม การออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที และการลดสิ่งเสพติด เหล้า บุหรี่” รมช. สาธารณสุข กล่าว
