สธ.จัดโครงการรณรงค์ ลอยกระทงปลอดเหล้า สร้างค่านิยมใหม่ ตรวจเข้มตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามขาย ห้ามดื่มเหล้าในพื้นที่จัดงานลอยกระทง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ต้องห้าม พบจับ ปรับ ไม่ละเว้น พร้อมส่งสายตรวจลงพื้นที่ตรวจตรา ตั้งแต่วันที่ 23-30 พ.ย.ยก 14 จังหวัดเป็นต้นแบบพื้นพี่ปลอดเหล้า
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างร่วมแถลงข่าว โครงการรณรงค์ประเพณีลอยกระทงปลอดเหล้า ปี 2555 ว่า ประเพณีลอยกระทงในปีนี้จะให้การรณรงค์ในหัวข้อ “ลอยกระทงปลอดเหล้า บุญจะส่งให้เราสุขใจ” โดยรณรงค์ให้ห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในพื้นที่จัดงานลอยกระทง เพื่อปรับเปลี่ยนค่านิยมดื่มเหล้าฉลองเทศกาล และส่งเสริมเทศกาลลอยกระทงของไทยเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามและทรงคุณค่า ไม่ให้ถูกทำลายให้เสียความเป็นเอกลักษณ์จากปัญหาที่มาจากการดื่มเหล้า เช่น อุบัติเหตุจราจร อาชญากรรม หรือมอมเมาเยาวชนหญิงและล่อลวงไปจนทำให้เสียตัวได้
นพ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า รัฐบาลและสาธารณสุข มีนโยบายส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และดำเนินการกวดขันเข้มงวดการปฏิบัติตามกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เนื่องจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า เหล้าและบุหรี่เป็น 1 ใน 4 ตัวการหลัก ที่ทำให้คนไทยมีอายุเฉลี่ยสั้นลง และเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ กว่า 60 โรค ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุด ในปี 2554 มีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากถึง 17 ล้านคน เพื่อเป็นการป้องกันจึงได้ออกลงนามหนังสือสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทั่วประเทศ และขอความร่วมมือ กทม.ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกตรวจสอบ ห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ประกาศห้าม ด้านพื้นที่จัดงานลอยกระทงส่วนใหญ่ มักจัดในสถานที่สาธารณะ ริมแม่น้ำ ท่าน้ำ ลำคลอง หรือบึง ซึ่งอยู่ในความดูแลของหน่วยราชการส่วนท้องถิ่น เป็นเขตห้ามขาย-ห้ามดื่มเหล้าอยู่แล้ว จะเริ่มตรวจตั้งแต่วันที่ 23-30 พ.ย.55 หากพบกระทำผิดจะลงโทษตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ พื้นที่ซึ่งสาธารณสุขจะให้เป็นต้นแบบของการเป็นพื้นที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 100 เปอร์เซ็นต์ และในวันลอยกระทงปีนี้จะมีการควบคุมอย่างเข้มงวดตรวจเหล้าทั้ง 14 จังหวัด ได้แก่ 1.เทศบาลนครเชียงใหม่ 2.เทศบาลเมืองตาก 3.เทศบาลเมืองแพร่ 4.เทศบาลเมืองหลังสวน จ.ชุมพร 5.เทศบาลนครอุดรธานี 6.เทศบาลเมืองปทุมธานี 7.เทศบาลเมืองชัยนาท 8.เทศบาลตำบลภูเรือ จ.เลย 9.เทศบาลเมืองตรัง 10.เทศบาลเมืองสตูล 11.เทศบาลนครสกลนคร 12.เทศบาลเมืองลำพูน 13.เทศบาลเมืองตราด และ 14.วัดอรุณราชวราราม (กทม.)
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างร่วมแถลงข่าว โครงการรณรงค์ประเพณีลอยกระทงปลอดเหล้า ปี 2555 ว่า ประเพณีลอยกระทงในปีนี้จะให้การรณรงค์ในหัวข้อ “ลอยกระทงปลอดเหล้า บุญจะส่งให้เราสุขใจ” โดยรณรงค์ให้ห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในพื้นที่จัดงานลอยกระทง เพื่อปรับเปลี่ยนค่านิยมดื่มเหล้าฉลองเทศกาล และส่งเสริมเทศกาลลอยกระทงของไทยเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามและทรงคุณค่า ไม่ให้ถูกทำลายให้เสียความเป็นเอกลักษณ์จากปัญหาที่มาจากการดื่มเหล้า เช่น อุบัติเหตุจราจร อาชญากรรม หรือมอมเมาเยาวชนหญิงและล่อลวงไปจนทำให้เสียตัวได้
นพ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า รัฐบาลและสาธารณสุข มีนโยบายส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และดำเนินการกวดขันเข้มงวดการปฏิบัติตามกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เนื่องจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า เหล้าและบุหรี่เป็น 1 ใน 4 ตัวการหลัก ที่ทำให้คนไทยมีอายุเฉลี่ยสั้นลง และเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ กว่า 60 โรค ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุด ในปี 2554 มีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากถึง 17 ล้านคน เพื่อเป็นการป้องกันจึงได้ออกลงนามหนังสือสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทั่วประเทศ และขอความร่วมมือ กทม.ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกตรวจสอบ ห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ประกาศห้าม ด้านพื้นที่จัดงานลอยกระทงส่วนใหญ่ มักจัดในสถานที่สาธารณะ ริมแม่น้ำ ท่าน้ำ ลำคลอง หรือบึง ซึ่งอยู่ในความดูแลของหน่วยราชการส่วนท้องถิ่น เป็นเขตห้ามขาย-ห้ามดื่มเหล้าอยู่แล้ว จะเริ่มตรวจตั้งแต่วันที่ 23-30 พ.ย.55 หากพบกระทำผิดจะลงโทษตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ พื้นที่ซึ่งสาธารณสุขจะให้เป็นต้นแบบของการเป็นพื้นที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 100 เปอร์เซ็นต์ และในวันลอยกระทงปีนี้จะมีการควบคุมอย่างเข้มงวดตรวจเหล้าทั้ง 14 จังหวัด ได้แก่ 1.เทศบาลนครเชียงใหม่ 2.เทศบาลเมืองตาก 3.เทศบาลเมืองแพร่ 4.เทศบาลเมืองหลังสวน จ.ชุมพร 5.เทศบาลนครอุดรธานี 6.เทศบาลเมืองปทุมธานี 7.เทศบาลเมืองชัยนาท 8.เทศบาลตำบลภูเรือ จ.เลย 9.เทศบาลเมืองตรัง 10.เทศบาลเมืองสตูล 11.เทศบาลนครสกลนคร 12.เทศบาลเมืองลำพูน 13.เทศบาลเมืองตราด และ 14.วัดอรุณราชวราราม (กทม.)