นักวิชาการ ชี้ เด็กเลียนแบบละคร “แรงเงา” เพราะระบบการศึกษาไม่สอนเรื่องการรู้คิด วิเคราะห์ จี้ “ครูยุคใหม่” เปลี่ยนวิธีการสอน เน้นสร้างทักษะรู้เท่าทันสื่อ เลิกท่องจำ ต้องทดลองฝึกปฏิบัติให้รู้จักแก้ปัญหา หลังวิจัยพบสิ่งแวดล้อมอบายมุขถ่ายทอดพันธุกรรมสู่ลูกหลานได้ ด้านเครือข่ายผู้ปกครอง หวั่น กสทช.เปิดทางละครเย็น นำเสนอ น.13
นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวถึงปรากฏการณ์เลียนแบบพฤติกรรมละครและความรุนแรงในสื่ออินเทอร์เน็ต ว่า สังคมทุกวันนี้เป็นสังคมของการกล่าวโทษครอบครัวและตัวเด็ก แต่ต้องย้อนกลับมามองว่า ผู้ใหญ่สร้างพื้นที่ดีแก่เด็กเยาวชนอย่างไร เพราะปรากฏการณ์เด็กติดเกมเกิดจากการไม่มีพื้นที่หรือกิจกรรมทางเลือกอื่นที่สร้างการยอมรับในตัวเด็ก และเด็กทุกคนต้องการพี่เลี้ยงที่ปรึกษา ครอบครัวและระบบการศึกษาสามารถเล่นบทพี่เลี้ยงได้ดีหรือไม่ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่สมองจะเน้นที่การแสดงออกทางอารมณ์ จึงต้องมีการพัฒนาสมองในส่วนการรู้คิด แต่ระบบการศึกษาบ้านเรายังไม่พัฒนาทักษะการรู้คิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา ครูจึงต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้อบรมสั่งสอน เป็นผู้อำนวยการให้เด็กสามารถคิด วิเคราะห์เป็น เพราะเด็กวัยรุ่น การสอนแบบอบรมสั่งสอนจะใช้ไม่ได้ผล
นพ.สุริยเดว กล่าวว่า การสร้างทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็กในศตวรรษที่ 21 จึงเป็นสิ่งสำคัญและถึงเวลาแล้วที่ต้องนำทักษะทั้ง 3 ด้านมาใช้ให้เกิดขึ้นจริงในสังคม ประกอบด้วย 1.ทักษะด้านการสื่อสาร ซึ่งไม่ใช่แค่การรู้จักใช้สื่อ แต่ต้องรู้เท่าทันสื่อ 2.ทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ และ 3.ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยครูต้องเปลี่ยนรูปแบบการสอนแบบท่องจำ เป็นการฝึกปฏิบัติ ทดลองจริง โดยครูต้องรู้จักตั้งโจทย์เพื่อให้เด็กได้รู้จักการแก้ปัญหา นอกจากนี้ การสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและการรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน เพราะมีผลการศึกษาวิจัยที่ตนได้ศึกษาออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมสามารถถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมสู่ลูกหลานได้ นั่นคือ พฤติกรรมการติดบุหรี่ อบายมุข สิ่งเสพติด หรือค่านิยมทางวัตถุที่ผู้ใหญ่ก่อไว้ในสังคมจะส่งผลทางพันธุ์กรรมสู่รุ่นลูกหลานได้ สิ่งแวดล้อมที่ไม่สร้างสรรค์เช่นนี้ ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ สื่อ ชุมชน และครอบครัว ต้องใส่ใจหันมาสร้างพื้นที่ดี ลดพื้นที่เสี่ยงให้มากขึ้น และต้องมีครูพี่เลี้ยง เป็นผู้อำนวยการสอนให้มากขึ้น
นางอัญญาอร พานิชพึ่งรัฐ ประธานเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคม เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเด็กวัย 6 ปี เลียนแบบละครเรื่องไทรโศก ด้วยการแขวนคอตายจนเสียชีวิต ซึ่งรายการโทรทัศน์เป็นรายการที่พ่อแม่ควรให้คำแนะนำ ไม่ควรปล่อยให้เด็กดูคนเดียว โดยเนื้อหาละครแรงเงาไม่ควรจัดให้อยู่ในเรตติ้ง น.13 แต่ควรอยู่ในระดับ น.18 เพราะมีฉากความรุนแรง การแสดงออกทางเพศ และภาษาในระดับสูง นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาให้ความรู้แก่สังคม ไม่ใช่การจัดเรตติ้งรายการโทรทัศน์แล้วจบไป แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายครอบครัวจะพยายามให้ความรู้ในกลุ่มผู้ปกครองแต่มีกำลังที่จำกัด ดังนั้นภาครัฐจึงควรสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังมีความเป็นห่วง กสทช.ที่มีแนวคิดจัดเรตติ้ง ในช่วงเวลา 16.00-18.00 น.โดยอนุญาตให้มีรายการ น.13 มานำเสนอได้ จึงเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมา
นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวถึงปรากฏการณ์เลียนแบบพฤติกรรมละครและความรุนแรงในสื่ออินเทอร์เน็ต ว่า สังคมทุกวันนี้เป็นสังคมของการกล่าวโทษครอบครัวและตัวเด็ก แต่ต้องย้อนกลับมามองว่า ผู้ใหญ่สร้างพื้นที่ดีแก่เด็กเยาวชนอย่างไร เพราะปรากฏการณ์เด็กติดเกมเกิดจากการไม่มีพื้นที่หรือกิจกรรมทางเลือกอื่นที่สร้างการยอมรับในตัวเด็ก และเด็กทุกคนต้องการพี่เลี้ยงที่ปรึกษา ครอบครัวและระบบการศึกษาสามารถเล่นบทพี่เลี้ยงได้ดีหรือไม่ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่สมองจะเน้นที่การแสดงออกทางอารมณ์ จึงต้องมีการพัฒนาสมองในส่วนการรู้คิด แต่ระบบการศึกษาบ้านเรายังไม่พัฒนาทักษะการรู้คิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา ครูจึงต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้อบรมสั่งสอน เป็นผู้อำนวยการให้เด็กสามารถคิด วิเคราะห์เป็น เพราะเด็กวัยรุ่น การสอนแบบอบรมสั่งสอนจะใช้ไม่ได้ผล
นพ.สุริยเดว กล่าวว่า การสร้างทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็กในศตวรรษที่ 21 จึงเป็นสิ่งสำคัญและถึงเวลาแล้วที่ต้องนำทักษะทั้ง 3 ด้านมาใช้ให้เกิดขึ้นจริงในสังคม ประกอบด้วย 1.ทักษะด้านการสื่อสาร ซึ่งไม่ใช่แค่การรู้จักใช้สื่อ แต่ต้องรู้เท่าทันสื่อ 2.ทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ และ 3.ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยครูต้องเปลี่ยนรูปแบบการสอนแบบท่องจำ เป็นการฝึกปฏิบัติ ทดลองจริง โดยครูต้องรู้จักตั้งโจทย์เพื่อให้เด็กได้รู้จักการแก้ปัญหา นอกจากนี้ การสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและการรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน เพราะมีผลการศึกษาวิจัยที่ตนได้ศึกษาออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมสามารถถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมสู่ลูกหลานได้ นั่นคือ พฤติกรรมการติดบุหรี่ อบายมุข สิ่งเสพติด หรือค่านิยมทางวัตถุที่ผู้ใหญ่ก่อไว้ในสังคมจะส่งผลทางพันธุ์กรรมสู่รุ่นลูกหลานได้ สิ่งแวดล้อมที่ไม่สร้างสรรค์เช่นนี้ ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ สื่อ ชุมชน และครอบครัว ต้องใส่ใจหันมาสร้างพื้นที่ดี ลดพื้นที่เสี่ยงให้มากขึ้น และต้องมีครูพี่เลี้ยง เป็นผู้อำนวยการสอนให้มากขึ้น
นางอัญญาอร พานิชพึ่งรัฐ ประธานเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคม เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเด็กวัย 6 ปี เลียนแบบละครเรื่องไทรโศก ด้วยการแขวนคอตายจนเสียชีวิต ซึ่งรายการโทรทัศน์เป็นรายการที่พ่อแม่ควรให้คำแนะนำ ไม่ควรปล่อยให้เด็กดูคนเดียว โดยเนื้อหาละครแรงเงาไม่ควรจัดให้อยู่ในเรตติ้ง น.13 แต่ควรอยู่ในระดับ น.18 เพราะมีฉากความรุนแรง การแสดงออกทางเพศ และภาษาในระดับสูง นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาให้ความรู้แก่สังคม ไม่ใช่การจัดเรตติ้งรายการโทรทัศน์แล้วจบไป แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายครอบครัวจะพยายามให้ความรู้ในกลุ่มผู้ปกครองแต่มีกำลังที่จำกัด ดังนั้นภาครัฐจึงควรสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังมีความเป็นห่วง กสทช.ที่มีแนวคิดจัดเรตติ้ง ในช่วงเวลา 16.00-18.00 น.โดยอนุญาตให้มีรายการ น.13 มานำเสนอได้ จึงเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมา