ก.ค.ศ.ไฟเขียวเกณฑ์สอบตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาใช้ข้อเขียน และเรียกบัญชีผู้สอบจากพื้นที่หนึ่งไปบรรจุอีกพื้นที่หนึ่งได้โดยดูตามคะแนนสูงสุด
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค. ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ที่ประชุมได้อนุมัติหลักเกณฑ์ วิธีการ การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทาง การศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) ให้เป็นในแนวทางเดียวกัน โดยกำหนดให้มีการสอบภาคความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งด้วยการสอบข้อเขียน แบบปรนัย และนอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการเรียกบัญชีผู้สอบแข่งขันได้จากเขตพื้นที่การ ศึกษาหนึ่งไปบรรจุและแต่งตั้งในเขตพื้นที่การศึกษาอื่น ในอัตราตำแหน่งว่าง 1 ตำแหน่ง ต่อ 1 คน ตามบัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ที่มีคะแนนสูงสุดเท่านั้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมในการสอบแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การปรับหลักเกณฑ์นี้เป็นไปตามนโยบายของตนที่ต้องการให้การสรรหา บุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษาทุกตำแหน่ง เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ขจัดการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ในทุกกรณี
ทั้งนี้ ก่อนนี้ก.ค.ศ. ได้มีการปรับหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูฯ ในตำแหน่งต่าง ๆ ด้วยการสอบข้อเขียน แบบปรนัย โดยได้มีการปรับหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษาไปแล้ว ฉะนั้นจึงต้องมีการปรับการสอบในส่วนของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38ค.(2)ให้สอดคล้องกัน
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค. ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ที่ประชุมได้อนุมัติหลักเกณฑ์ วิธีการ การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทาง การศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) ให้เป็นในแนวทางเดียวกัน โดยกำหนดให้มีการสอบภาคความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งด้วยการสอบข้อเขียน แบบปรนัย และนอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการเรียกบัญชีผู้สอบแข่งขันได้จากเขตพื้นที่การ ศึกษาหนึ่งไปบรรจุและแต่งตั้งในเขตพื้นที่การศึกษาอื่น ในอัตราตำแหน่งว่าง 1 ตำแหน่ง ต่อ 1 คน ตามบัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ที่มีคะแนนสูงสุดเท่านั้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมในการสอบแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การปรับหลักเกณฑ์นี้เป็นไปตามนโยบายของตนที่ต้องการให้การสรรหา บุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษาทุกตำแหน่ง เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ขจัดการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ในทุกกรณี
ทั้งนี้ ก่อนนี้ก.ค.ศ. ได้มีการปรับหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูฯ ในตำแหน่งต่าง ๆ ด้วยการสอบข้อเขียน แบบปรนัย โดยได้มีการปรับหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษาไปแล้ว ฉะนั้นจึงต้องมีการปรับการสอบในส่วนของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38ค.(2)ให้สอดคล้องกัน