นศ.มอส.แจ้งขอโอนย้ายที่เรียนกว่า 4 พันคนแล้ว “กำจร” ยังห่วง นศ.คณะบริหารธุรกิจ เหตุมีรายชื่อแจ้งย้ายเรียนต่อเพียง 200 คน จากจำนวนกว่า 1 พันคน พร้อมจ่ายเช็คเงินล่วงหน้าอาจารย์ 252 คน 16 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามก่อกวนการทำงาน
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) ในฐานะกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการเตรียมการดำเนินงานหลังเพิกถอนใบอนุญาต มอส.ที่มี รศ.ดร.อานนท์ เที่ยงตรง ประธานสภาวิชาการ มอส.เป็นประธานนั้น รศ.ชูชาติ อารีจิตรานุสรณ์ อธิการบดี มอส. ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงจำนวนนักศึกษาที่ได้กรอกแบบฟอร์มยืนยันความประสงค์ต้องการหรือไม่ต้องการโอนย้าย หรือเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาอื่น ซึ่งขณะนี้มียอดรวมมากกว่า 4 พันคนแล้ว จากจำนวนนักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี และปริญญาโทกว่า 8,000 คน โดยมหาวิทยาลัยจะนำรายชื่อนักศึกษาที่แจ้งข้อมูลทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์ www.esu.ac.th เพื่อให้นักศึกษาตรวจสอบ หากนักศึกษาคนใดที่ได้แสดงความจำนงแล้ว แต่ไม่มีรายชื่อ สามารถแจ้งรายชื่อเพื่อแสดงความจำนงใหม่ได้โดยตรงที่สำนักงานอธิการบดี มอส.จนถึงวันที่20 ต.ค.นี้ เพราะมีข้อมูลว่าบางคณะยังไม่ส่งรายชื่อนักศึกษาที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้มายังมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งมีจำนวนนักศึกษามากกว่า 1,000 คน แต่กลับมีรายชื่อนักศึกษาที่แจ้งความจำนงไว้เพียง 200 คนเท่านั้น
“ยังมีข้อมูลด้วยว่า นักศึกษาของคณะบริหารธุรกิจจำนวนหนึ่ง ได้จบการศึกษาแล้ว แต่ทางคณบดียังไม่ส่งเรื่องเพื่อดำเนินการขอสำเร็จการศึกษามายังมหาวิทยาลัย ในขณะที่การดำเนินการขออนุมัติปริญญาตามขั้นตอนต่างๆ จะต้องแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันก่อนที่มหาวิทยาลัยจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยคณะกรรมการควบคุมฯ ทำหน้าที่สภามหาวิทยาลัยจะมีการประชุมเพื่ออนุมัติสำเร็จการศึกษาให้แก่นักศึกษาอีกครั้ง วันที่ 30 ต.ค.นี้ ดังนั้น จึงเป็นห่วงว่านักศึกษากลุ่มนี้จะมีปัญหาในเรื่องการขอจบ” รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า สำหรับคณะพยาบาลศาสตร์ มอส.ซึ่งมีความประสงค์จะโอนย้ายนักศึกษาและคณาจารย์ทั้งคณะ ไปยังมหาวิทยาลัยแห่งอื่นนั้น ขณะนี้กำลังประสานขอความเห็นจากสภาการพยาบาลว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยความคืบหน้าทั้งหมดจะนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อว่า สำหรับสถานศึกษาที่นักศึกษาแสดงความจำนงจะย้ายไปศึกษาต่อนั้น ขณะนี้มีจำนวนประมาณ 30 แห่ง ซึ่งประธานคณะอนุกรรมการจะทำหนังสือไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อสอบถามรายละเอียดการขอโอนย้าย โดยเบื้องต้นจะแจ้งโอนย้ายนักศึกษาพร้อมหน่วยกิตที่ได้ศึกษาไปแล้ว ซึ่งจะได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้อนุมัติให้อธิการบดี มอส.สั่งจ่ายเช็คล่วงหน้าเป็นเงินชดเชยแก่คณาจารย์และบุคลากรของ มอส.252 คน ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย รวมจำนวนเงินประมาณ 16 ล้านบาท โดยมีข้อแม้ว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องไม่มีส่วนร่วมในการขัดขวางการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยก่อนถูกเพิกถอนในวันที่ 31 ตุลาคม 2555
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) ในฐานะกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการเตรียมการดำเนินงานหลังเพิกถอนใบอนุญาต มอส.ที่มี รศ.ดร.อานนท์ เที่ยงตรง ประธานสภาวิชาการ มอส.เป็นประธานนั้น รศ.ชูชาติ อารีจิตรานุสรณ์ อธิการบดี มอส. ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงจำนวนนักศึกษาที่ได้กรอกแบบฟอร์มยืนยันความประสงค์ต้องการหรือไม่ต้องการโอนย้าย หรือเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาอื่น ซึ่งขณะนี้มียอดรวมมากกว่า 4 พันคนแล้ว จากจำนวนนักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี และปริญญาโทกว่า 8,000 คน โดยมหาวิทยาลัยจะนำรายชื่อนักศึกษาที่แจ้งข้อมูลทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์ www.esu.ac.th เพื่อให้นักศึกษาตรวจสอบ หากนักศึกษาคนใดที่ได้แสดงความจำนงแล้ว แต่ไม่มีรายชื่อ สามารถแจ้งรายชื่อเพื่อแสดงความจำนงใหม่ได้โดยตรงที่สำนักงานอธิการบดี มอส.จนถึงวันที่20 ต.ค.นี้ เพราะมีข้อมูลว่าบางคณะยังไม่ส่งรายชื่อนักศึกษาที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้มายังมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งมีจำนวนนักศึกษามากกว่า 1,000 คน แต่กลับมีรายชื่อนักศึกษาที่แจ้งความจำนงไว้เพียง 200 คนเท่านั้น
“ยังมีข้อมูลด้วยว่า นักศึกษาของคณะบริหารธุรกิจจำนวนหนึ่ง ได้จบการศึกษาแล้ว แต่ทางคณบดียังไม่ส่งเรื่องเพื่อดำเนินการขอสำเร็จการศึกษามายังมหาวิทยาลัย ในขณะที่การดำเนินการขออนุมัติปริญญาตามขั้นตอนต่างๆ จะต้องแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันก่อนที่มหาวิทยาลัยจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยคณะกรรมการควบคุมฯ ทำหน้าที่สภามหาวิทยาลัยจะมีการประชุมเพื่ออนุมัติสำเร็จการศึกษาให้แก่นักศึกษาอีกครั้ง วันที่ 30 ต.ค.นี้ ดังนั้น จึงเป็นห่วงว่านักศึกษากลุ่มนี้จะมีปัญหาในเรื่องการขอจบ” รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า สำหรับคณะพยาบาลศาสตร์ มอส.ซึ่งมีความประสงค์จะโอนย้ายนักศึกษาและคณาจารย์ทั้งคณะ ไปยังมหาวิทยาลัยแห่งอื่นนั้น ขณะนี้กำลังประสานขอความเห็นจากสภาการพยาบาลว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยความคืบหน้าทั้งหมดจะนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อว่า สำหรับสถานศึกษาที่นักศึกษาแสดงความจำนงจะย้ายไปศึกษาต่อนั้น ขณะนี้มีจำนวนประมาณ 30 แห่ง ซึ่งประธานคณะอนุกรรมการจะทำหนังสือไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อสอบถามรายละเอียดการขอโอนย้าย โดยเบื้องต้นจะแจ้งโอนย้ายนักศึกษาพร้อมหน่วยกิตที่ได้ศึกษาไปแล้ว ซึ่งจะได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้อนุมัติให้อธิการบดี มอส.สั่งจ่ายเช็คล่วงหน้าเป็นเงินชดเชยแก่คณาจารย์และบุคลากรของ มอส.252 คน ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย รวมจำนวนเงินประมาณ 16 ล้านบาท โดยมีข้อแม้ว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องไม่มีส่วนร่วมในการขัดขวางการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยก่อนถูกเพิกถอนในวันที่ 31 ตุลาคม 2555