กมธ.การศึกษา เรียก คกก.ควบคุม มอส.และผู้รับใบอนุญาตฯ เข้าชี้แจงกรณีปิด มอส.“กำจร” ยันปิด เพราะไม่มีคุณภาพ พร้อมตอบข้อซักถาม กมธ.ศึกษา ผู้รับบอนุญาตฯ ตั้งมหา’ลัยใหม่ได้แต่ต้องใช้ชื่อใหม่ แต่ที่สำคัญต้องจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) ในฐานะคณะกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยภายหลังเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร กรณีการเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) ว่า กมธ.การศึกษา ได้เชิญผู้รับใบอนุญาตจัดตั้ง มอส.ซึ่งถือเป็นผู้ร้อง และคณะกรรมการควบคุม มอส. เข้าให้รายละเอียดต่างๆ ในเรื่องต่างๆ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยคณะกรรมการควบคุมฯ ได้ให้เหตุผลถึงการเพิกถอนฯ ว่า เนื่องจากมีตัวเลขชัดเจนแล้วว่าเฉพาะนักศึกษาระดับปริญญาโท ของ มอส.นั้น มีจำนวนสูง 4,000 คน และจะต้องมีอาจารย์ระดับปริญญาเอก ถึง 250 คน จึงจะสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ แต่ผู้รับใบอนุญาตฯไม่เคยใส่เงินเข้ามาให้ตามที่คณะกรรมการควบคุมฯ แจ้งไปเพื่อใช้ในการดำเนินการพัฒนาและบริหารมหาวิทยาลัย ส่งผลให้การจัดการเกิดปัญหาและกระทบต่อคุณภาพการศึกษาเพราะไม่มีงินจ้างอาจารย์ที่มีคุณภาพมาสอนนักศึกษาได้ ซึ่ง ทาง กมธ.ศึกษา ก็เข้าใจสิ่งที่ชี้แจง
ขณะเดียวกัน ในส่วนผู้รับใบอนุญาตฯ ยังยืนยันกับ กมธ.ว่า ต้องการให้คืนอำนาจบริการจัดการ มอส.ตนก็ได้ชี้แจงแล้วว่าผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งมีสิทธิฟ้องศาลปกครองได้ ซึ่งศาลคงพิจารณาตามเหตุผล แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีการถอนคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กมธ.ศึกษา ได้ถามกับ คณะกรรมการควบคุมฯ เกี่ยวกับที่ผู้รับใบอนุญาตฯ จะสามารถกลับมาเปิดมหาวิทยาลัยใหม่ได้หรือไม่ด้วย
“การเปิดมหาลัยใหม่นั้นผมได้ชี้แจงไปว่า สามารถทำได้ แต่ต้องเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัย เพราะคงไม่สามารถขออนุญาตจัดตั้งในชื่อเดิมได้ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ จะต้องปรับปรุงเรื่องการบริหารจัดการ และเน้นจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา” นพ.กำจร กล่าวและว่า ขณะเดียวกัน หลังจากคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งมีผลสมบูรณ์ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้นั้น คณะกรรมการควบคุม มอส.จะเร่งดำเนินการเยียวยานักศึกษา โดยส่งต่อให้ไปเรียนที่อื่น หลังจากนั้น จะเร่งเคลียร์บัญชี และคืนทรัพย์สินให้ผู้รับใบอนุญาตโดยเร็ว” รศ.นพ.กำจร กล่าว
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) ในฐานะคณะกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยภายหลังเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร กรณีการเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) ว่า กมธ.การศึกษา ได้เชิญผู้รับใบอนุญาตจัดตั้ง มอส.ซึ่งถือเป็นผู้ร้อง และคณะกรรมการควบคุม มอส. เข้าให้รายละเอียดต่างๆ ในเรื่องต่างๆ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยคณะกรรมการควบคุมฯ ได้ให้เหตุผลถึงการเพิกถอนฯ ว่า เนื่องจากมีตัวเลขชัดเจนแล้วว่าเฉพาะนักศึกษาระดับปริญญาโท ของ มอส.นั้น มีจำนวนสูง 4,000 คน และจะต้องมีอาจารย์ระดับปริญญาเอก ถึง 250 คน จึงจะสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ แต่ผู้รับใบอนุญาตฯไม่เคยใส่เงินเข้ามาให้ตามที่คณะกรรมการควบคุมฯ แจ้งไปเพื่อใช้ในการดำเนินการพัฒนาและบริหารมหาวิทยาลัย ส่งผลให้การจัดการเกิดปัญหาและกระทบต่อคุณภาพการศึกษาเพราะไม่มีงินจ้างอาจารย์ที่มีคุณภาพมาสอนนักศึกษาได้ ซึ่ง ทาง กมธ.ศึกษา ก็เข้าใจสิ่งที่ชี้แจง
ขณะเดียวกัน ในส่วนผู้รับใบอนุญาตฯ ยังยืนยันกับ กมธ.ว่า ต้องการให้คืนอำนาจบริการจัดการ มอส.ตนก็ได้ชี้แจงแล้วว่าผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งมีสิทธิฟ้องศาลปกครองได้ ซึ่งศาลคงพิจารณาตามเหตุผล แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีการถอนคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กมธ.ศึกษา ได้ถามกับ คณะกรรมการควบคุมฯ เกี่ยวกับที่ผู้รับใบอนุญาตฯ จะสามารถกลับมาเปิดมหาวิทยาลัยใหม่ได้หรือไม่ด้วย
“การเปิดมหาลัยใหม่นั้นผมได้ชี้แจงไปว่า สามารถทำได้ แต่ต้องเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัย เพราะคงไม่สามารถขออนุญาตจัดตั้งในชื่อเดิมได้ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ จะต้องปรับปรุงเรื่องการบริหารจัดการ และเน้นจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา” นพ.กำจร กล่าวและว่า ขณะเดียวกัน หลังจากคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งมีผลสมบูรณ์ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้นั้น คณะกรรมการควบคุม มอส.จะเร่งดำเนินการเยียวยานักศึกษา โดยส่งต่อให้ไปเรียนที่อื่น หลังจากนั้น จะเร่งเคลียร์บัญชี และคืนทรัพย์สินให้ผู้รับใบอนุญาตโดยเร็ว” รศ.นพ.กำจร กล่าว
