xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง! คนทั่วโลกไม่รู้หนังสือ 700 ล้านคน กศน.สร้างบ้านหนังสือ 4 หมื่นแห่ง หวังลบคนไทยอ่านแค่ 8 บรรทัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
8 กันยายน วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ นายกฯ ส่งสารย้ำรัฐบาลจะเร่งขจัดความไม่รู้หนังสือให้หมดไปจากสังคมไทย พร้อมยกระดับการศึกษาคนไทยทุกกลุ่มให้มีสิทธิและความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ด้าน ผอ.ใหญ่ยูเนสโก ย้ำการรู้หนังสือจะส่งเสริมให้เกิดพลังแห่งสันติภาพที่ยาวนาน พร้อมเผยประชากรทั่วโลกไม่รู้หนังสือกว่า 700 ล้านคน ขณะที่รัฐบาลอนุมัติงบให้ กศน.450 ล้านบาท ทำโครงการส่งเสริมการอ่าน เตรียมสร้างบ้านหนังสือ 4 หมื่นแห่งกระจายไป 4 หมื่นหมู่บ้านจากทั้งหมด 8 หมื่นหมู่บ้าน

วันนี้ (8 ก.ย.) ที่จังหวัดภูเก็ต สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) จัดงาน “วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ ประจำปี 2555” ซึ่งตรงกับวันที่ 8 กันยายน ของทุกปี โดยมี นายบุญทัน ดอกไธยสง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ ศธ. เป็นประธานในพิธีเปิด ร่วมด้วย นายเอเตียนน์ เคล์ม็องท์ (Mr.Etienne Clement) รองผู้อำนวยการยูเนสโก ประจำกรุงเทพมหานคร นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. และข้าราชการ บุคลากรของ กศน.จังหวัด กศน.อำเภอจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่า 500 คน

โดย นายบุญทัน ได้อ่านสารเนื่องในวันที่ระลึกสากลฯ จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีใจความตอนหนึ่ง ว่า วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ เป็นการรณรงค์ให้ทุกคนในสังคมโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นที่จะต้องผนึกกำลังร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาความไม่รู้หนังสือของประชาชนในประเทศ ซึ่งการรู้หนังสือเป็นพื้นฐานของการศึกษาที่ช่วยพัฒนาคนและมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นด้วย โดยรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า จึงมีนโยบายเร่งพัฒนาการศึกษาโดยเฉพาะการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มรวมถึงผู้ยากไร้ ผู้ด้วยโอกาส ผู้พิการ ผู้บกพร่องทางร่างกายและการเรียนรู้ ตลอดจนชนกลุ่มน้อย โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานความเสมอภาคและเป็นธรรม โดยภารกิจสำคัญเร่งด่วน คือ การขจัดความไม่รู้หนังสือให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย เพื่อยกระดับการศึกษาของคนทุกกลุ่ม ทุกวัยให้สูงขึ้น มีสิทธิและความเสมอภาคในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อพัฒนาทุกคนให้มีความรู้อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น สามารถติดต่อสื่อสารและนำไปใช้ประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสมและมีความสุข ทั้งยังเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเพื่อนำประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการเรียนรู้และพี่น้องชาวไทยทุกคนจะตระหนักถึงความสำคัญ รวมทั้งร่วมมือกันส่งเสริมให้คนไทยทุกคนรู้หนังสือและเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมอุดมปัญญา และสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกได้

ด้าน นายเอเตียนน์ รองผู้อำนวยการยูเนสโก ประจำกรุงเทพฯ อ่านสารวันระลึกสากลฯ ของ นางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก มีใจความสำคัญ ว่า ในปีนี้ยูเนสโกมุ่งเน้นพิเศษเรื่องความสำคัญพื้นฐานระหว่างการรู้หนังสือและสันติภาพ เพราะเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญกันอย่างมาก ในช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนในปัจจุบันหลายประเทศที่มีความรุนแรงที่หลากหลายจะมีอัตราการรู้หนังสือที่ต่ำที่สุดในโลกความขัดแย้งยังคงเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุผลตามเป้าหมายของการศึกษาเพื่อปวงชน และการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ โดยประชากรวัยประถมศึกษาที่อยู่นอกระบบโรงเรียนมีมากกว่า 40% ทั่วโลกอาศัยในประเทศที่ประสบปัญหาความขัดแย้ง เราต้องไม่ยินยอมให้ความขัดแย้งมาริดรอนโอกาสสำคัญของการรู้หนังสือของเด็กและผู้ใหญ่ เพราะการรู้หนังสือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและเป็นรากฐานของการศึกษาทั้งมวล รวมถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิตของประชาชนที่สามารถตัดสินใจเลือกหนทางที่ดีสำหรับชีวิตและมีพลังในการเป็นผู้กระทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะสันติภาพที่ยาวนานขึ้นอยู่กับการพัฒนาพลเมืองให้รู้หนังสือ

การเข้าถึงการศึกษาเพื่อปวงชนท่ามกลางกลียุคทางการเมืองและความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นในหลายส่วนของโลก การรู้หนังสือต้องเป็นเรื่องสำคัญต้น ๆ เรื่องหนึ่งที่บรรจุเป็นวาระสำคัญแห่งชาติของทุกประเทศทั่วโลกเพื่อสร้างสันติภาพซึ่งสันติภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ต้องพึ่งพิงระหว่าง และจำเป็นอย่างยิ่งที่ทั้ง 2 สิ่งนี้จะต้องพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งไปพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ตาม การมุ่งมั่นสู่เป้าหมายการรู้หนังสือในปี 2558 เป็นความท้ายทายที่ยากจะเอาชนะแต่จะบรรลุผลสำเร็จได้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขอย่างเข้มแข็งจากนานาประเทศหากเราจะทำตามสัญญาที่ให้ในไว้ที่ประชุมที่ดาการ์ ปี 2543 ซึ่งยูเนสโกประเมินว่ามีประชากรที่ไม่รู้หนังสือจำนวน 775 ล้านคนทั่วโลก ขณะที่เยาวชนที่ไม่รู้หนังสือมีจำนวนถึง 122 ล้านคนทั่วโลกโดยเป็นสตรีและเด็กหญิงเกือบ 2 ใน 3 ของประชากรผู้ใหญ่และเยาวชนที่ไม่รู้หนังสือ นับว่า เราสูญเสียศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเราจะหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้ทุกคนต้องใส่ใจร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้โลกใบนี้เป็นที่ ๆ มีผู้รู้หนังสือเพิ่มขึ้น ซึ่งยูเนสโกได้บรรจุเรื่องการศึกษาและการรู้หนังสือไว้เป็นเรื่องสำคัญสุดในวาระแห่งการพัฒนาโลก และริเริ่มเรื่องการศึกษาต้องมาก่อน

ขณะที่ นายประเสริฐ กล่าวว่า จากสถิติการสำรวจการไม่รู้หนังสือของประชากรในประเทศไทย ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2551 พบว่า คนไทยไม่รู้หนังสือจำนวน 2,080,000 คน ซึ่งตนมั่นใจว่า ในอนาคตจะมีคนไทยไม่รู้หนังสือลดลงเรื่อยๆ เพราะว่า กศน.ได้ให้การส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ขณะที่สถิติของโลกในส่งเสริมการอ่านหนังสือ ประเทศไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัดจากค่าเฉลี่ยนของคนทั้งประเทศ 65 ล้านคน แต่เพื่อนบ้านในอาเซียน อย่างประเทศสิงคโปร์ และเวียดนาม อ่านหนังสือปีละ 5 เล่ม ประเทศจีนอ่านหนังสือปีละ 6 เล่ม ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งเสริมและรณรงค์ในวันที่ระลึกสากลฯ ตนก็หวังว่าประเทศไทยซึ่งเป็น 1 ในสมาชิกในจำนวน 195 ประเทศที่เข้ารวมสมาชิกยูเนสโก จะพัฒนาการรู้หนังสือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่หากเปรียบเทียบกับทางทวีปยุโรป พบว่าอ่านหนังสือปีละ 16 เล่ม สหรัฐอเมริกา อ่านปีละ 16 เล่ม ยุโรปเหนือ เช่นสวีเดน เดนมาร์ก อ่านหนังสือปีละ 24 เล่ม

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคนไทยรักการอ่าน และรู้หนังสือเพิ่มขึ้น ซึ่งในงบประมาณ 2555 นั้นได้อนุมัติงบประมาณ 450 ล้านบาทเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการอ่านในโครงการต่าง ๆ เช่น ใช้เพื่อจัดทำโครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะจำนวน 40,000 แห่ง มีหนังสือมากมาย ดังนั้น บ้านหนังสือจะมีกว่าครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านทั้งหมด 80,000 หมู่บ้าน ถือเป็นการส่งเสริมการอ่านอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนรักษ์การอ่าน” เลขาธิการ กศน.กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น