สพฐ.ศึกษาโครงสร้างเวลาเรียนเปรียบเทียบไทยและเทศ เบื้องต้นพบทุกประเทศจัดให้สอดคล้องพัฒนาการเด็กตามช่วงวัย แต่ในต่างประเทศจะเน้นส่งด้านภาษาในชั้น ป.1-2 มากกว่าไทย เล็งจัดเสวนาเชิญนักจิตวิทยา นักการศึกษามาร่วมระดมความคิด ก่อนศึกษาภาพรวมอีกครั้งก่อนตัดสินใจปรับปรุงบางส่วนหรือปรับทั้งระบบ หรืออาจไม่ปรับหากชี้ชัดว่าโครงสร้างที่ทำอยู่ดีแล้ว
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิกาารคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ของ สพฐ. ได้ศึกษาข้อมูลวิจัยเชิงเปรียบเทียบโครงสร้างเวลาเรียนของประเทศไทยกับต่างประเทศ ประกอบด้วย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ เยอรมนี แคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และนิวซีแลนด์ ซึ่งได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ทุกประเทศรวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญกับเรื่องการจัดโครงสร้างเวลาเรียนที่สอดคล้องกับพัฒนาการเด็กตามช่วงวัย แต่หากมองลึกลงไปในรายละเอียดจะพบความแตกต่างในเรื่องดังกล่าว โดยประเทศไทยอาจจัดโครงสร้างเวลาเรียนตามช่วงชั้นแบบคงที่ แต่ในหลายประเทศจะเน้นการทุ่มเทเวลาพัฒนาการทางด้านภาษากับเด็กประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 มากกว่าประเทศไทย ซึ่งเท่ากับว่าในต่างประเทศมีจุดเน้นการพัฒนาด้านภาษาอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ประถมศึกษาตอนต้น แต่จะไปเน้นวิชาคณิตศาสตร์ในช่วงประถมศึกษาตอนปลาย ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ได้ให้ความสำคัญตั้งแต่ ป.1-6
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ สพฐ.จะนำมาวิเคราะห์ และเร็วๆ นี้ ก็จะเตรียมจัดเสวนาโดยเชิญนักการศึกษา นักจิตวิทยา มาร่วมเสนอข้อคิดเห็นถึงประเด็นการปรับโครงสร้างเวลาเรียนและการจัดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาหลักต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับเด็กแต่ละช่วงชั้นต่อไป
“ขณะนี้เราได้มีการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 มาครบวงรอบแล้ว คือ ใช้ครบทั้ง 3 ช่วงชั้น ดังนั้น หากจะพิจารณาทบทวน หรือปรับปรุงก็เป็นเรื่องที่ดีและสามารถทำได้ โดยจะต้องมีการศึกษาวิจัยแบบภาพรวมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทุกแง่มุม แต่หากเรามีข้อมูลบ่งบอกว่าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานแบบเดิมที่เราใช้อยู่มาถูกทิศทางแล้ว ก็คงไม่มีความจำเป็นจะต้องรื้อปรับทั้งระบบ” นายชินภัทร กล่าว
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิกาารคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ของ สพฐ. ได้ศึกษาข้อมูลวิจัยเชิงเปรียบเทียบโครงสร้างเวลาเรียนของประเทศไทยกับต่างประเทศ ประกอบด้วย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ เยอรมนี แคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และนิวซีแลนด์ ซึ่งได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ทุกประเทศรวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญกับเรื่องการจัดโครงสร้างเวลาเรียนที่สอดคล้องกับพัฒนาการเด็กตามช่วงวัย แต่หากมองลึกลงไปในรายละเอียดจะพบความแตกต่างในเรื่องดังกล่าว โดยประเทศไทยอาจจัดโครงสร้างเวลาเรียนตามช่วงชั้นแบบคงที่ แต่ในหลายประเทศจะเน้นการทุ่มเทเวลาพัฒนาการทางด้านภาษากับเด็กประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 มากกว่าประเทศไทย ซึ่งเท่ากับว่าในต่างประเทศมีจุดเน้นการพัฒนาด้านภาษาอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ประถมศึกษาตอนต้น แต่จะไปเน้นวิชาคณิตศาสตร์ในช่วงประถมศึกษาตอนปลาย ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ได้ให้ความสำคัญตั้งแต่ ป.1-6
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ สพฐ.จะนำมาวิเคราะห์ และเร็วๆ นี้ ก็จะเตรียมจัดเสวนาโดยเชิญนักการศึกษา นักจิตวิทยา มาร่วมเสนอข้อคิดเห็นถึงประเด็นการปรับโครงสร้างเวลาเรียนและการจัดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาหลักต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับเด็กแต่ละช่วงชั้นต่อไป
“ขณะนี้เราได้มีการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 มาครบวงรอบแล้ว คือ ใช้ครบทั้ง 3 ช่วงชั้น ดังนั้น หากจะพิจารณาทบทวน หรือปรับปรุงก็เป็นเรื่องที่ดีและสามารถทำได้ โดยจะต้องมีการศึกษาวิจัยแบบภาพรวมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทุกแง่มุม แต่หากเรามีข้อมูลบ่งบอกว่าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานแบบเดิมที่เราใช้อยู่มาถูกทิศทางแล้ว ก็คงไม่มีความจำเป็นจะต้องรื้อปรับทั้งระบบ” นายชินภัทร กล่าว
