สรรพสามิต จับมือเครือข่ายงดเหล้า เปิดตัวโครงการ “วัคซีนเด็กไทยห่างไกลสุรา” พร้อมนำร่อง 10 โรงเรียนดัง หวังสร้างเกาะคุ้มกันตั้งแต่วัยกระแตะ
วันนี้ (5 ก.ย.) เวลา 10.00 น.ที่กรมสรรพสามิต สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ร่วมกับ กรมสรรพสามิต จัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการ “วัคซีนเด็กไทย…ห่างไกลสุรา” ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเปิดตัวนวัตกรรมชวนพ่อเลิกเหล้า ด้วยหนังสือนิทานระบายสีชุด “บ้านหมีแสนสุข” และการแสดงละครสะท้อนปัญหาสุรากับครอบครัว และการเฟ้นหาครอบครัวที่พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องการเลิกเหล้า เพื่อไปเข้าค่ายครอบครัวเลิกเหล้า ต้นเดือนตุลาคมนี้
นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นมิติใหม่ที่กรมสรรพสามิตต้องการทำงานกับเด็กและครอบครัวเพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้วยรูปแบบกิจกรรมละคร สันทนาการ ทักษะการระบายสีในหนังสือนิทานสอดแทรกพิษภัยของสุรา และผลกระทบต่อครอบครัว ในเรื่องบ้านหมีแสนสุข ตลอดจนการรับสมัครครอบครัวของเด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อคัดเลือกมาเข้าร่วมกิจกรรมค่ายครอบครัวเลิกเหล้า อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจาก 10 โรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ โรงเรียนวัดโพธิ์เรียง โรงเรียนวัดคฤหบดี โรงเรียนวัดมะลิ โรงเรียนวัดดงมูลเหล็ก โรงเรียนวัดสุทธาราม โรงเรียนราชวัตรวิทยา โรงเรียนอัมพวันศึกษา โรงเรียนสาธิตจันทรเกษม โรงเรียนบ้านบางกะปิ และ โรงเรียนบ้านบัวมล โดยทุกฝ่ายมุ่งสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากนี้ จะมีการลงพื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมกับทางโรงเรียน จนครบทุกโรงเรียน และมอบนิทานระบายสีให้โรงเรียนละ 200 เล่ม เพื่อทำกิจกรรมในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป
“การสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก เป็นเรื่องที่ดีและหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยตอกย้ำ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้เด็กๆและครอบครัวไทยห่างไกลสุรามากยิ่งขึ้น เพราะปัญหานักดื่มหน้าใหม่ ที่เพิ่มขึ้นปีละ 260,000 คน อีกทั้งมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ จากงานวิจัยพบเด็กอายุ 5 ขวบ ลองดื่มเป็นเรื่องที่น่าตกใจ และกรมสรรพสามิตในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ผลิตสติกเกอร์เตือนผู้ขาย ห้ามมิให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะในเดือน ต.ค.เป็นช่วงการต่อใบอนุญาตขายสุรา โดยจะมอบให้กับผู้ที่มาขอต่อใบอนุญาต จำนวน 320,000 แผ่น แจกจ่ายไปทั่วประเทศ และจะมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในโอกาสต่อไปเป็นระยะๆ” นางเบญจา กล่าว
นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า จากการทำงานของเครือข่ายองค์กรงดเหล้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ก่อคดี จนต้องอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบว่าในแต่ละปีมีเด็กและเยาวชน 3-4 หมื่นคนที่ก่อคดี ในจำนวนนี้ 50-60% ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อน หรือขณะก่อเหตุ โดยอายุเฉลี่ยในการดื่มครั้งแรกของเด็กกลุ่มนี้จะอยู่ที่ 14 ปี ประกอบกับข้อมูลศูนย์วิจัยปัญหาสุรายืนยันว่าเด็กเยาวชนดื่มหนักขึ้น และพบสถิติเพศหญิงกลับดื่มเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อร่างกาย และสมองเห็นได้จากการศึกษาวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ปกติสมองมนุษย์มีการพัฒนาทางความคิดต่อเนื่องจนถึงอายุ 25 ปี การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัยรุ่นจะทำให้ความจำลดลงมากถึง 10% เมื่อเทียบกับคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ การเรียนรู้ลดลง สมองทึบ หากเริ่มดื่มก่อนอายุครบ 15 ปี มีโอกาสติดเหล้า เบียร์ในระยะยาวมากขึ้น 4 เท่า มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 7 เท่า และเกิดปัญหาความรุนแรงเพิ่มขึ้น 11 เท่า แต่หากเริ่มดื่มหลังอายุครบ 25 ปีไปแล้วมีโอกาสติดเหล้าเบียร์ได้น้อย
“จากปัญหาดังกล่าวถือเป็นภาพรวมของสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักอย่างจริงจัง ดังนั้นโครงการนี้จึงถือเป็นกิจกรรมดีๆ ที่ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน เพราะนอกจากจะทำให้เด็กเยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ครอบครัวอบอุ่น ปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และสิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่ช่วยกล่อมเกลาให้เยาวชนได้เดินหน้าก้าวผ่านจากอบายมุขโดยสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างมีความสุข ขณะเดียวกัน บรรดาพ่อแม่นักดื่ม ถ้าเลิกเหล้าได้ ลูกๆ จะภูมิใจที่พ่อแม่ไม่ดื่มเหล้า เสียงเล็กๆ ของลูกจึงเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในครอบครัว เพราะลูกเป็นพลังสำคัญที่จะมาสร้างกำลังใจและมีอิทธิพลชักชวนให้พ่อแม่ที่เคยดื่มหันมาเลิกเหล้าเพื่อลูก” นายธีระ กล่าว
วันนี้ (5 ก.ย.) เวลา 10.00 น.ที่กรมสรรพสามิต สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ร่วมกับ กรมสรรพสามิต จัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการ “วัคซีนเด็กไทย…ห่างไกลสุรา” ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเปิดตัวนวัตกรรมชวนพ่อเลิกเหล้า ด้วยหนังสือนิทานระบายสีชุด “บ้านหมีแสนสุข” และการแสดงละครสะท้อนปัญหาสุรากับครอบครัว และการเฟ้นหาครอบครัวที่พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องการเลิกเหล้า เพื่อไปเข้าค่ายครอบครัวเลิกเหล้า ต้นเดือนตุลาคมนี้
นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นมิติใหม่ที่กรมสรรพสามิตต้องการทำงานกับเด็กและครอบครัวเพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้วยรูปแบบกิจกรรมละคร สันทนาการ ทักษะการระบายสีในหนังสือนิทานสอดแทรกพิษภัยของสุรา และผลกระทบต่อครอบครัว ในเรื่องบ้านหมีแสนสุข ตลอดจนการรับสมัครครอบครัวของเด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อคัดเลือกมาเข้าร่วมกิจกรรมค่ายครอบครัวเลิกเหล้า อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจาก 10 โรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ โรงเรียนวัดโพธิ์เรียง โรงเรียนวัดคฤหบดี โรงเรียนวัดมะลิ โรงเรียนวัดดงมูลเหล็ก โรงเรียนวัดสุทธาราม โรงเรียนราชวัตรวิทยา โรงเรียนอัมพวันศึกษา โรงเรียนสาธิตจันทรเกษม โรงเรียนบ้านบางกะปิ และ โรงเรียนบ้านบัวมล โดยทุกฝ่ายมุ่งสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากนี้ จะมีการลงพื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมกับทางโรงเรียน จนครบทุกโรงเรียน และมอบนิทานระบายสีให้โรงเรียนละ 200 เล่ม เพื่อทำกิจกรรมในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป
“การสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก เป็นเรื่องที่ดีและหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยตอกย้ำ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้เด็กๆและครอบครัวไทยห่างไกลสุรามากยิ่งขึ้น เพราะปัญหานักดื่มหน้าใหม่ ที่เพิ่มขึ้นปีละ 260,000 คน อีกทั้งมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ จากงานวิจัยพบเด็กอายุ 5 ขวบ ลองดื่มเป็นเรื่องที่น่าตกใจ และกรมสรรพสามิตในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ผลิตสติกเกอร์เตือนผู้ขาย ห้ามมิให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะในเดือน ต.ค.เป็นช่วงการต่อใบอนุญาตขายสุรา โดยจะมอบให้กับผู้ที่มาขอต่อใบอนุญาต จำนวน 320,000 แผ่น แจกจ่ายไปทั่วประเทศ และจะมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในโอกาสต่อไปเป็นระยะๆ” นางเบญจา กล่าว
นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า จากการทำงานของเครือข่ายองค์กรงดเหล้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ก่อคดี จนต้องอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบว่าในแต่ละปีมีเด็กและเยาวชน 3-4 หมื่นคนที่ก่อคดี ในจำนวนนี้ 50-60% ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อน หรือขณะก่อเหตุ โดยอายุเฉลี่ยในการดื่มครั้งแรกของเด็กกลุ่มนี้จะอยู่ที่ 14 ปี ประกอบกับข้อมูลศูนย์วิจัยปัญหาสุรายืนยันว่าเด็กเยาวชนดื่มหนักขึ้น และพบสถิติเพศหญิงกลับดื่มเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อร่างกาย และสมองเห็นได้จากการศึกษาวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ปกติสมองมนุษย์มีการพัฒนาทางความคิดต่อเนื่องจนถึงอายุ 25 ปี การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัยรุ่นจะทำให้ความจำลดลงมากถึง 10% เมื่อเทียบกับคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ การเรียนรู้ลดลง สมองทึบ หากเริ่มดื่มก่อนอายุครบ 15 ปี มีโอกาสติดเหล้า เบียร์ในระยะยาวมากขึ้น 4 เท่า มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 7 เท่า และเกิดปัญหาความรุนแรงเพิ่มขึ้น 11 เท่า แต่หากเริ่มดื่มหลังอายุครบ 25 ปีไปแล้วมีโอกาสติดเหล้าเบียร์ได้น้อย
“จากปัญหาดังกล่าวถือเป็นภาพรวมของสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักอย่างจริงจัง ดังนั้นโครงการนี้จึงถือเป็นกิจกรรมดีๆ ที่ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน เพราะนอกจากจะทำให้เด็กเยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ครอบครัวอบอุ่น ปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และสิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่ช่วยกล่อมเกลาให้เยาวชนได้เดินหน้าก้าวผ่านจากอบายมุขโดยสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างมีความสุข ขณะเดียวกัน บรรดาพ่อแม่นักดื่ม ถ้าเลิกเหล้าได้ ลูกๆ จะภูมิใจที่พ่อแม่ไม่ดื่มเหล้า เสียงเล็กๆ ของลูกจึงเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในครอบครัว เพราะลูกเป็นพลังสำคัญที่จะมาสร้างกำลังใจและมีอิทธิพลชักชวนให้พ่อแม่ที่เคยดื่มหันมาเลิกเหล้าเพื่อลูก” นายธีระ กล่าว