เปิดตำรับยารักษากามโรคบ้านเชียงเหียน “หมอยสาวแก่ ผีผ่วน เต้าแล้ง” แพทย์เผยยังไม่มีการวิจัยชี้ชัด แต่เป็นสูตรในตำราแพทยศาสตร์สงเคราะห์ มีการใช้ทั่วไปในกลุ่มหมอแผนไทย-หมอพื้นบ้าน
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงตำรับยาบ้านเชียงเหียน จ.มหาสารคาม ที่ระบุว่า ช่วยรักษากามโรคได้ ว่า สูตรสมุนไพรในตำรับยาดังกล่าวได้รับการบรรจุอยู่ในตำราแพทยศาสตร์สงเคราะห์ ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีการใช้ทั่วไปในกลุ่มแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน ไม่ได้เป็นสูตรเฉพาะของพื้นที่แต่อย่างใด โดยสูตรยาดังกล่าวนิยมใช้รักษากามโรค ได้แก่ ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบการสืบพันธุ์
นพ.ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า สูตรสมุนไพรในตำรับยาดังกล่าว สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.สมุนไพรกลุ่มรักษากามโรค ได้แก่ หมอยสาวแก่ ผีผ่วน และต้นเต้าแล้ง 2.สมุนไพรกลุ่มแก้ปวด แก้อักเสบ ได้แก่ พายสะเมา พายสะเหลียง ต้นก้างปลาแดง และ 3.สมุนไพรกลุ่มบำรุงร่างกาย ได้แก่ แก่นลั่นทม ต้นดั่งเห็บ โดยสามารถนำสมุนไพรทั้งหมดมาต้มดื่มช่วยในการรักษากามโรคได้
“แม้สูตรยาดังกล่าวจะยังไม่ได้มีการวิจัยแบบยุคปัจจุบัน แต่ก็เป็นสูตรที่มีการใช้ในหมู่แพทย์พื้นบ้านมาอย่างยาวนาน ถือเป็นภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การรักษา” นพ.ปราโมทย์ กล่าว
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงตำรับยาบ้านเชียงเหียน จ.มหาสารคาม ที่ระบุว่า ช่วยรักษากามโรคได้ ว่า สูตรสมุนไพรในตำรับยาดังกล่าวได้รับการบรรจุอยู่ในตำราแพทยศาสตร์สงเคราะห์ ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีการใช้ทั่วไปในกลุ่มแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน ไม่ได้เป็นสูตรเฉพาะของพื้นที่แต่อย่างใด โดยสูตรยาดังกล่าวนิยมใช้รักษากามโรค ได้แก่ ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบการสืบพันธุ์
นพ.ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า สูตรสมุนไพรในตำรับยาดังกล่าว สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.สมุนไพรกลุ่มรักษากามโรค ได้แก่ หมอยสาวแก่ ผีผ่วน และต้นเต้าแล้ง 2.สมุนไพรกลุ่มแก้ปวด แก้อักเสบ ได้แก่ พายสะเมา พายสะเหลียง ต้นก้างปลาแดง และ 3.สมุนไพรกลุ่มบำรุงร่างกาย ได้แก่ แก่นลั่นทม ต้นดั่งเห็บ โดยสามารถนำสมุนไพรทั้งหมดมาต้มดื่มช่วยในการรักษากามโรคได้
“แม้สูตรยาดังกล่าวจะยังไม่ได้มีการวิจัยแบบยุคปัจจุบัน แต่ก็เป็นสูตรที่มีการใช้ในหมู่แพทย์พื้นบ้านมาอย่างยาวนาน ถือเป็นภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การรักษา” นพ.ปราโมทย์ กล่าว