“เพราะลูกสอนให้แม่ต้องอดทน เพราะลูกเป็นแรงบันดาลใจให้กับแม่ เพราะลูกทำให้แม่อยากทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม เพราะมีลูกถึงมีแม่ในทุกวันนี้” ถ้อยคำของคุณแม่นภัสวัลย์- วีรเดชทวีวรรณ ผู้ออกแบบของเล่นจิ๊กซอว์สำหรับเด็กออทิสติกกล่าวในโครงการ Mom-made Toys ปี 2
ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการเพื่อสังคมจากกลุ่ม “มัมเมดทอยส์” (Mom-made Toys) เตรียมส่งความสุขผ่านของเล่นจากใจแม่สู่มือลูกคนพิเศษจำนวน 10,000 ชิ้นที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับเด็กพิเศษสามกลุ่มคือเด็กพิการทางสายตา (Visually Impaired) เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางอารมณ์และการเข้าสังคมหรือออทิสติก (Autism) และเด็กพิการทางสมอง (Cerebral Palsy) ให้กับเด็กพิเศษทั่วประเทศผ่านการสนับสนุนของผู้ใหญ่ใจดีหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นไปรษณีย์ไทย,สภาการศึกษาและบริษัท แปลนครีเอชั่นส์ จำกัด ผู้ผลิตของเล่นทั้งหมด
โดยในปีนี้ได้เชิญชวนให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ ส่งไปรษณียบัตรเข้ามาที่ตู้ ปณ.151 ปณศ.จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 แจ้งความประสงค์ขอรับของเล่นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยระบุให้ชัดเจนว่าลูกของท่านเป็นเด็กพิเศษประเภทใด เราก็จะจัดส่งของเล่นที่ออกแบบมาโดยเฉพาะไปให้ ซึ่งจะแจกจ่ายไปจนถึงสิ้นปีนี้หรือจนกว่าของจะหมด
เสาวภา โตสงวน ผู้แทนกลุ่ม “มัมเมดทอยส์” บอกว่า เด็กพิเศษกลุ่มนี้เป็นเหมือนเด็กปกติทั่วไปที่ต้องการเล่น ของเล่นเพื่อสร้างเสริมพัฒนาการ และแทบจะไม่มีของเล่นที่เสริมพัฒนาการเด็กกลุ่มนี้ ณ จุดนี้เองจึงเป็นสิ่งเริ่มต้นและแรงบันดาลใจให้คุณแม่หลายๆคนรวมตัวกันเพื่อออกแบบของเล่นให้กับลูกคนพิเศษ โดยในรอบปีที่ผ่านมา กลุ่ม “มัมเมดทอยส์” และบริษัท แปลนครีเอชั่นส์ จำกัด ได้ผลิตของเล่นได้จำนวนหนึ่งหมื่นชิ้น พร้อมจะแจกจ่ายให้กับคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ,โรงเรียน,ศูนย์การศึกษาพิเศษและมูลนิธิต่างๆ ทั่วประเทศ
ด้าน นฎชมน นิลอ่อน คุณแม่ของน้องพาย ภัทชมน นิลอ่อน อายุ 5 ขวบ อยู่ในกลุ่มออทิสติก เล่าว่า การดูแลเด็กออทิสติก ต้องดูแลมากกว่าเด็กปกติ 10 เท่า คุณแม่เหนื่อยมาก เพราะน้องไม่สามารถจำหรือพัฒนาทักษะทางสังคมได้ เราจะต้องสอนเค้าทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน การพูด เวลาเจอคนอื่น เพราะน้องจะไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย น้องจะซนกว่าเด็กปกติ เราต้องคอยบอกเสมอว่าทำแบบนี้ไม่ได้ สอนเค้าในสิ่งต่างๆ
นฎชมน บอกอีกว่า คุณแม่ทราบว่าน้องเริ่มเป็นออทิสติก เมื่อน้องอายุได้ 2 ขวบ 8 เดือน น้องจะไม่พูด และจะกรี๊ดอย่างเดียว ไม่มองหน้าไม่สบตาคน จึงเข้าไปปรึกษาคุณหมอ ช่วงนั้นคุณแม่เครียดมาก ร้องไห้ทุกวัน พอคุณแม่ลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงดูเค้า ถึงได้รู้ว่าเค้าเก่งมากในเรื่องวิชาการ แต่ด้อยในด้านสังคม เค้ามีความสามารถในด้านความจำ จำแม่น น้องสามารถอ่านหนังสือได้ โดยที่ไม่ได้เรียนหนังสือ คุณแม่เริ่มสอนเค้า เขาชอบด้วย ยังขอให้คุณแม่ช่วยสอน
"วิธีของคุณแม่ในการสอน ต้องมีความใจเย็นมากๆ สงสารเค้า ก็คิดว่าจะทำยังไงให้เค้าสามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้ถ้าไม่มีเราแล้ว"
คุณแม่น้องพาย บอกด้วยว่า คุณแม่เพิ่งเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้เป็นปีแรก สนใจในเรื่องของเล่นที่เสริมพัฒนาการน้อง ที่ผ่านมาเราก็คิดเสมอว่าทำไมถึงไม่มีของเล่นสำหรับเด็กพิเศษบ้าง เมื่อรู้ว่ามีโครงการนี้ ก็ดีใจมาก เพราะรู้สึกได้ว่าเค้านึกถึงลูกของเราด้วย แต่ของเล่นสำหรับของน้องส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือ เช่น ตัวหนังสือ ABC บล็อกไม้ เค้าก็จะเอามาต่อเรียงกันจะชอบมาก น้องสามารถเล่นกับเด็กพิเศษวัยเดียวกันได้ ซึ่งมันดีมากที่มีของเล่นที่ทำมาเพื่อเด็กพิเศษโดยเฉพาะ เพราะจะเข้าใจเด็ก วิธีการเล่นของเล่นของเด็กพิเศษ ซึ่งของเล่นเด็กปกติจะมีความต่างกัน
"ปีนี้น้องเข้าโรงเรียนของเด็กทั่วไปและก็มีคุณครูที่เข้าใจ ดังนั้นแม่อยากให้กำลังใจต่อคุณแม่ด้วยกันที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ ต้องอดทน อย่าท้อ อยู่เคียงข้างลูก ฟังเขาและอย่าใจร้อน สักวันลูกเราจะดีขึ้นแน่นอน"คุณแม่กล่าวอย่างมีความหวัง
สำหรับ กลุ่ม “มัมเมดทอยส์ (mom-made toys) เกิดจากการรวมตัวของคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของ ของเล่นที่ไม่เพียงแต่ให้ความเพลิดเพลินกับเด็ก หากยังช่วยในด้านพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ อย่างไรก็ดี ของเล่นทั่วไปที่มีอยู่ในท้องตลาด อาจไม่เหมาะสมกับภาวะร่างกายและจิตใจของเด็กกลุ่มพิเศษเหล่านี้ คุณแม่ผู้เอาใจใส่และปรารถนาให้ลูกๆ มีความสุขและมีการพัฒนา จึงรวมตัวกันเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดที่มีอยู่ด้วยการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาของเล่นสำหรับลูกๆ ของตน โดยทุ่มเทเอาใจใส่ด้วยตระหนักดีว่าลูกๆ ที่เป็นเด็กพิเศษต้องการของเล่นแบบไหนและเล่นเพื่อวัตถุประสงค์อะไร สำหรับผู้สนใจกิจกรรมของกลุ่ม “มัมเมดทอยส์” สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและร่วมเผยแพร่กิจกรรมของกลุ่มฯ ได้ที่ www.facebook.com/mommadetoys
