คร.ยันไม่พบเชื้อไวรัสเวสต์ไนล์ในไทย ย้ำมีการเฝ้าระวังตลอด 10 ปี ชี้ยุงเป็นพาหะ หากถูกกัดต่อจากผู้ป่วยในระยะเพาะตัวรุนแรงของโรค จะทำให้ติดเชื้อ ส่งผลให้มีไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ
นพ.วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยถึงการระบาดของเชื้อไวรัสเวสต์ไนล์ ที่ระบาดหนักขึ้นกว่า 40% จากปีที่แล้วและส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปี มีผู้เสียชีวิตจากแล้ว 66 ราย ว่า เชื้อไวรัสเวสต์ไนล์ เป็นเชื้อที่มียุงรำคาญเป็นพาหะในการนำโรค ซึ่งเกิดจากสาเหตุที่ยุงไปกัดนกที่มีเชื้อดังกล่าวแล้วมากัดคน ส่งผลให้คนเป็นโรคนี้ และจัดว่าเป็นไวรัสชนิดเดียวกับไวรัสไข้สมองอักเสบ และไข้เลือดออก โดยผู้ป่วยจะมีอาการ ไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ อาจจะมีผื่นขึ้นตามตัวหรือไม่มีก็ได้ และบางรายอาจเกิดอาการเบลอ และมึนงงได้
นพ.วิชัยกล่าวต่อว่า สำหรับไวรัสเวสต์ไนล์ ในภูมิภาคเอเชียเคยมีผู้ป่วยจากเชื้อชนิดนี้แต่เป็นคนในประเทศอินเดีย สำหรับในไทยนั้นก็มีการเฝ้าระวังเชื้อนี้มาโดยตลอดระยะเวลา 10 ปี และเท่าที่ทำการศึกษาทั้งในนกและม้าเคยพบอยู่ในเชื้อแอนติบอดี้ในม้าเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วที่ทำการศึกษาแต่ก็ยังไม่พบการแพร่ระบาดของเชื้อนี้ในคนไทย
“อย่างไรก็ตาม ถ้ามีนักท่องเที่ยวที่ป่วยด้วยเชื้อไวรัสเวสต์ไนล์ แล้วเดินทางมายังประเทศเราแล้วยุงเกิดไปกัดผู้ป่วยรายดังกล่าวที่ป่วยและอยู่ในระยะที่มีการฝักตัวของเชื้ออย่างรุนแรง แล้วยุงตัวดังกล่าวมากัดเรา เราก็สามารถได้รับเชื้อชนิดนี้และป่วยได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าถึงเวลาที่มีการเพาะเชื้อรุนแรงนั้นก็จะเป็นเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงแล้วและส่วนใหญ่ถ้าป่วยคนก็จะไม่เดินทางกัน ด้วยเหตุนี้จึงยังไม่พบว่ามีผู้ป่วยในไทยที่ได้รับเชื้อจากนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในไทย” นพ.วิชัยกล่าว
นพ.วิชัยกล่าวต่อว่า ตนไม่อยากให้ทุกคนนิ่งนอนใจ ต่อให้จะยังไม่พบคนไทยป่วยจากเชื้อชนิดนี้ก็ตาม แต่ก็ควรป้องกันไว้ก่อน ด้วยการทำลายเหตุเพาะพันธุ์ยุงเช่นทำลายแหล่งน้ำขังต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน ทั้งนี้ทางสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจยังคงมีการเฝ้าระวังและควบคุมอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ยังมีการสุ่มเจาะตัวอย่างในนก และม้าอย่างเป็นระยะแต่ก็ยังไม่พบเชื้อดังกล่าวในไทย
