“ระเบียบรัตน์” ไม่เชื่อโพลดูเร็กซ์หญิงไทยไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่รัก คู่ครอง อันดับ 2 ของโลก ผลสำรวจไม่น่าเชื่อถือ ไม่สะท้อนความเป็นจริง ระบุหญิงไทยมีความละอาย อยู่ในกรอบศาสนา ประเพณี หากมีครอบครัวแล้ว ย่อมอุทิศชีวิตให้ลูกและสามีมากกว่าแสวงหา “ผัวน้อย” ขณะที่ ผู้ชาย นอกใจไม่แปลกใจสอดคล้องตัวเลขสมาคม 80-90% มีชู้ ขณะที่มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ระบุ ดูเร็กซ์หวังผลทางการตลาด อย่าหลงเชื่อความคิดเห็นที่อาจเป็นเพียงมายาคติ
จากกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า “ดูเร็กซ์” ผู้ผลิตถุงยางอนามัยชื่อดัง ได้ทำการสำรวจ โดยเก็บข้อมูลจากผู้หญิงจำนวน 29,000 คน ใน 36 ประเทศทั่วโลก ระบุว่า ผู้หญิงไทยร้อยละ 59 มีความไม่ซื่อสัตย์ต่อคนรักสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากสตรีกานา ร้อยละ 62 และเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย ในขณะที่ชายไทยนั้น มีอัตราการนอกใจสูงที่สุดโลก โดยกลุ่มตัวอย่างชายไทย ร้อยละ 54 ยอมรับว่า ตนเองไม่ซื่อสัตย์กับคู่ครอง ส่วนผู้ชายเกาหลีใต้ เป็นที่ 2 ร้อยละ 34 และผู้ชายมาเลเซีย ร้อยละ 33 นั้น
นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข กล่าวว่า การสำรวจของดูเร็กซ์ ถือว่าไม่มีฐานข้อมูลที่ชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ทำการสำรวจ เช่น สำรวจผู้หญิงประเทศละกี่คน อายุ ฐานะการศึกษา ฯลฯ ดังนั้น จึงไม่สามารถสะท้อนสภาพความเป็นจริงได้ ซึ่งโดยส่วนตัวไม่เชื่อผลสำรวจที่ระบุว่า ผู้หญิงประพฤตินอกใจ หรือไม่ซื่อสัตย์กับคู่ครองหรือคนรักมากเป็นอันดับ 2 ของโลก เนื่องจากสังคมไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ปฏิบัติศีล 5 และผู้หญิงยังมีความละอายต่อบาป แต่หากเป็นตัวเลขในส่วนของผู้ชายไทยยังพอเชื่อได้บ้าง เพราะสอดคล้องกับตัวเลขที่มีการร้องเรียนมายังสมาคม โดยพบว่า ผู้ชาย 80-90% มีพฤติกรรมนอกใจภรรยา ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะถือเป็นค่านิยม ความเชื่อที่ปลูกฝังมานาน ว่าผู้ชายเจ้าชู้ไม่ผิด ถือว่ามีอำนาจบารมี และยิ่งหากมีภรรยาหลายคนแล้วสามารถปกครองได้อย่างเรียบร้อยยิ่งเป็นตัวอย่างที่ผู้ชายหลายคนอยากเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ถือเป็นค่านิยมที่ผิดความคิดแบบนี้ทำให้สังคมเสื่อมทราม ผู้ชายแก่คราวพ่อก็พยายามหาเด็กอายุ 10-20 ปีมาเป็นยาบำรุงหัวใจ ให้กระชุ่มกระชวย ภูมิใจที่ตนเองยังมีเซ็กซ์ได้
“อย่างไรก็ตาม พบจำนวนไม่มากที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายนอกใจ โดยพบว่า เป็นสิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ในสังคมเมือง สังคมชั้นสูง โดยมากมีการศึกษา มีหน้าที่การงานที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหนักใจมาก แต่หากเป็นผู้หญิงโดยทั่วไป ส่วนใหญ่เมื่อแต่งงานแล้ว ชีวิตก็อุทิศให้สามีและลูก ซึ่งสามีก็คือ พ่อคนที่ 2 ที่จะฝากความหวังไว้ เชื่อว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะแสวงหาเซ็กซ์ หรือผัวน้อย เพราะมีความละอายมากกว่าผู้ชาย ฉะนั้น อย่าสำรวจเอามัน ให้ร้ายผู้หญิงที่เป็นเพศแม่”นางระเบียบรัตน์ กล่าว
ขณะที่น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ตัวเลขที่ออกมาจากดูเร็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัย เป็นการสำรวจมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร เพื่อให้สังคมรับรู้ตระหนักเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาหรือไม่ และที่สำคัญเป็นความคิดเห็นที่เป็นความจริงหรือไม่ โดยหลักในฐานะที่เป็นกลไกหนึ่งที่แก้ปัญหาเกี่ยวกับผู้หญิงและผู้ชาย คงไม่มองแค่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็นว่า การสำรวจครั้งนี้เป็นการหวังผลทางการตลาดเท่านั้น เพราะไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหา หรือ ข้อเสนอแนะใดๆ เลย เพียงแค่เป็นการตลาดที่ต้องการขายถุงยางอนามัยให้กับผู้ชาย หรือผู้หญิงที่อาจมีพฤติกรรมไม่ปลอดภัยเท่านั้น
น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวอีกกว่า ขณะที่โดยหลักหญิงไทยอยู่ในกรอบ ประเพณี หากมีคู่อยู่แล้วจะมีโอกาสมีพฤติกรรมนอกใจได้หรือไม่ อยู่ที่สาเหตุ มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ถ้าถามว่ามีแนวโน้มที่ผู้หญิงจะนอกใจคู่รักมากขึ้นหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ตอบไม่ได้เช่นกัน เพราะมีตัวแปรมากมาย ที่สำคัญเมื่อมีการสำรวจความคิดเห็นก็เป็นไปได้ที่จะไม่ได้ตอบตามความเป็นจริง แต่เป็นการตอบโดยใช้ความคิดเห็นส่วนใหญ่ หรือความน่าจะเป็นเพราะคงไม่มีใครใจกล้าบอกว่า ตัวเองนอกใจคู่รักหรือสามีหรือไม่ ฉะนั้น อย่าหลงเชื่อผลการสำรวจที่อาจเป็นแค่มายาคติ
“โพลก็คือโพล ส่วนตัวคิดว่า โพลนี้ไม่สามารถสะท้อนความเป็นจริงของสังคมได้ แต่หากคิดว่าได้รับความเสียหาย ไม่เหมาะสม เสียภาพลักษณ์ของผู้หญิงก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการ แต่เข้าใจว่า การสำรวจนี้มุ่งเป้าเพื่อการตลาดเท่านั้น ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงพบกรณีที่ผู้หญิงตกเป็นผู้เสียหายและเข้ามาร้องเรียนกว่า 90% ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความรุนแรงในครอบครัว เช่น สามีไม่เลี้ยงดู สามีนอกใจ เป็นต้น ส่วนอีก 10% เป็นผู้ชายที่อาจตกเป็น เหยื่อ เช่นถูกลวนลามทางเพศ หรือผู้ชายที่เป็นพ่อ หรือสามี ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ภรรยาหรือลูกสาวถูกล่อลวง เป็นต้น” น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าว