สพฐ.ยันไม่เลื่อนเปิดเทอมตาม ทปอ.ย้ำ การเปิด/ปิดเทอม ระดับขั้นพื้นฐานถูกกำหนดไว้ให้สอดคล้องกับวงจรชีวิตในรอบปีของคนไทยแล้ว ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน ชี้ ข้อดีของเวลาที่เหลือ ทำให้ นร.จะได้มีเวลาเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้นานขึ้น
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติเลื่อนการเปิด-ปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัย 24 แห่งให้ตรงกับการเปิดปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยในอาเซียน ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังไม่มีความคิดที่จะเลื่อนกำหนดการเปิดและปิดภาคเรียนของโรงเรียนในสังกัดออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับมติของ ทปอ.ที่มีการเลื่อนเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยออกไป 3 เดือน ทั้งนี้ สาเหตุที่ สพฐ.ไม่เลื่อนกำหนดเปิดภาคเรียนตาม ทปอ.นั้น เพราะกำหนดเปิดและปิดภาคเรียนของโรงเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ได้รับการปรับเปลี่ยนมาจนสอดคล้องกับวงจรชีวิตในรอบปีของคนไทยมากที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลต่างๆ และการเคลื่อนย้ายการทำงานของประชากรวัยแรงงาน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดช่วงเวลาเปิดและปิดภาคเรียนเพื่อให้สอดคล้องวิถีชีวิตคนไทย เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนใดๆ ก็ต้องรับฟังจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อน
ขณะเดียวกัน โรงเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสังกัด สพฐ.นั้น ก็มีนักเรียนจากอาเซียนเข้ามาเรียนไม่มากเท่ากับระดับอุดมศึกษา เพราะฉะนั้น กำหนดเปิดและปิดภาคเรียนของ สพฐ.จึงต้องยึดเด็กไทยเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม สพฐ.เคยพูดคุยเบื้องต้นกับ ทปอ.แล้ว ว่า การเลื่อนเปิดปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัย จะไม่ส่งผลกระทบต่อ ร.ร.ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่กลับส่งผลดีให้เด็กได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยมากขึ้น ทั้งการสอบตรงและการสอบแอดมิชชัน ซึ่งมีกิจกรรมมากมายให้เด็กต้องทำ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเชิงนโยบาย ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ต้องเป็นนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งการมา แล้ว สพฐ.จึงจะไปจัดรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณเชิงนโยบายลงมา ขณะที่ สพฐ.เองก็ยังไม่มีความคิดจะปรับกำหนดการเปิดและปิดภาคเรียน” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติเลื่อนการเปิด-ปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัย 24 แห่งให้ตรงกับการเปิดปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยในอาเซียน ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังไม่มีความคิดที่จะเลื่อนกำหนดการเปิดและปิดภาคเรียนของโรงเรียนในสังกัดออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับมติของ ทปอ.ที่มีการเลื่อนเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยออกไป 3 เดือน ทั้งนี้ สาเหตุที่ สพฐ.ไม่เลื่อนกำหนดเปิดภาคเรียนตาม ทปอ.นั้น เพราะกำหนดเปิดและปิดภาคเรียนของโรงเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ได้รับการปรับเปลี่ยนมาจนสอดคล้องกับวงจรชีวิตในรอบปีของคนไทยมากที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลต่างๆ และการเคลื่อนย้ายการทำงานของประชากรวัยแรงงาน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดช่วงเวลาเปิดและปิดภาคเรียนเพื่อให้สอดคล้องวิถีชีวิตคนไทย เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนใดๆ ก็ต้องรับฟังจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อน
ขณะเดียวกัน โรงเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสังกัด สพฐ.นั้น ก็มีนักเรียนจากอาเซียนเข้ามาเรียนไม่มากเท่ากับระดับอุดมศึกษา เพราะฉะนั้น กำหนดเปิดและปิดภาคเรียนของ สพฐ.จึงต้องยึดเด็กไทยเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม สพฐ.เคยพูดคุยเบื้องต้นกับ ทปอ.แล้ว ว่า การเลื่อนเปิดปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัย จะไม่ส่งผลกระทบต่อ ร.ร.ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่กลับส่งผลดีให้เด็กได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยมากขึ้น ทั้งการสอบตรงและการสอบแอดมิชชัน ซึ่งมีกิจกรรมมากมายให้เด็กต้องทำ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเชิงนโยบาย ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ต้องเป็นนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งการมา แล้ว สพฐ.จึงจะไปจัดรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณเชิงนโยบายลงมา ขณะที่ สพฐ.เองก็ยังไม่มีความคิดจะปรับกำหนดการเปิดและปิดภาคเรียน” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
