สพฐ.เตรียมปรับเกณฑ์รับ นร.ม.4 เปิดช่องให้เด็ก ม.3 เข้าเรียน ม.4 ร.ร.เดิม แต่ต้องอยู่ใน 3 เงื่อนไขที่กำหนด ทั้งมีเกรดไม่ต่ำกว่า 2.00 หรือหากต่ำกว่าแต่ต้องสูงกว่า 1.50 หรือหากเป็นเด็กในกลุ่มความสามารถพิเศษ หรือร่วมกิจกรรมที่สร้างชื่อให้ ร.ร.ต้องมีครูรับรองแต่เกรดต้องสูงกว่า 1.50 เช่นกัน พร้อมเผยปี 2556 การรับนักเรียนทั้ง ม.1 และ ม.4 จะต้องสอบวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มอีก 1 วิชา เพื่อเตรียมพร้อมเข้ารับอาเซียน คาดสรุปผลเสนอ รมว.ศึกษาฯ เห็นชอบก่อนชงเข้าบอร์ด กพฐ.และประกาศเป็นทางการประมาณเดือน พ.ย.ต่อไป
วันนี้ (22 ส.ค.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารสถานศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันสูงทั่วประเทศ เพื่อยกร่างนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประจำปีการศึกษา 2556 ว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่าการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับชั้น ม.1 และ ม.4 จะใช้คะแนนสอบ 80% และคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET 20% แต่ในปีการศึกษา 2556 จะเพิ่มการสอบวิชาภาษาอังกฤษด้วย จากเดิมที่สอบเพียงวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา เพราะฉะนั้น เท่ากับว่า นักเรียนจะต้องสอบทั้งหมด 5 วิชา แต่วิชาภาษาอังกฤษจะคิดในสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น เพราะต้องการขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ จากการประมวลผลการรับนักเรียนในปีการศึกษา 2555 ที่ผ่านมา พบว่า ชั้น ม.1 ไม่มีปัญหาอะไร จึงให้ยึดหลักเกณฑ์การรับเหมือนเดิม แต่ในส่วนของ ม.4 สพฐ.ทราบดีว่านักเรียน ม.3 ส่วนใหญ่ยังต้องการที่จะเรียนต่อ ม.4 ในโรงเรียนเดิม ดังนั้น จึงต้องทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์ เพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นเหมือนปีที่ผ่านมา
สำหรับปีการศึกษา 2556 มีเป้าหมายจะรับนักเรียนชั้น ม.3 เข้าเรียนต่อชั้น ม.4 ให้มากขึ้น ซึ่งได้ให้โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงไปจัดทำแผนการรับนักเรียน โดยคัดเลือกนักเรียนชั้น ม.3 เดิมที่มีศักยภาพที่เหมาะสมเข้าเรียนต่อชั้น ม.4 ทั้งนี้ ศักยภาพที่เหมาะสมมี 3 เงื่อนไข ได้แก่ 1.นักเรียน ม.3 เดิมจะต้องมีคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร (GPAX) ตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป 2.หากมีคะแนน GPAX ต่ำกว่า 2.00 แต่สูงกว่า 1.50 ขึ้นไป จะได้รับโอกาสในการเข้าทดสอบประมวลความรู้ระดับชั้น ม.ต้น ของโรงเรียน และ 3.นักเรียนที่มีความสามารถเฉพาะทาง และสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน เช่น เข้าร่วมกิจกรรมวงโยธวาทิต นาฏศิลป์ กีฬา และศิลปะ แต่จะต้องได้รับการรับรองจากครูที่รับผิดชอบในกิจกรรมนั้นๆ และต้องมีคะแนน GPAX สูงกว่า 1.50 ขึ้นไป
“หลังจากนี้ โรงเรียนต้องกลับไปพิจารณาและจัดทำแผนการรับนักเรียน โดยจะต้องเปิดช่องการรับนักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนอื่นเข้าเรียนต่อชั้น ม.4 ด้วยในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% ของแผนการรับนักเรียน ดังนั้น สัดส่วนสูงสุดที่โรงเรียนจะสามารถรับเด็กได้จะอยู่ที่ 120% อย่างไรก็ตาม โรงเรียนสามารถขอขยายการเพิ่มห้องเรียนได้ แต่จำนวนนักเรียนต่อห้องสูงสุดต้องไม่เกิน 50 คน และการขอขยายห้องเรียนเพิ่ม ทางโรงเรียนจะต้องมีศักยภาพในการบริหารจัดการทั้งบุคลากร ครูผู้สอน และอาคารสถานที่ด้วย” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
นายชินภัทร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ตนจะนำมติของที่ประชุมครั้งนี้เสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาเห็นชอบ และจากนั้นจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม กพฐ.ในเดือนกันยายนและคาดว่า จะสามารถประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติฯ ได้ไม่เกินเดือนพฤศจิกายนนี้
วันนี้ (22 ส.ค.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารสถานศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันสูงทั่วประเทศ เพื่อยกร่างนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประจำปีการศึกษา 2556 ว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่าการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับชั้น ม.1 และ ม.4 จะใช้คะแนนสอบ 80% และคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET 20% แต่ในปีการศึกษา 2556 จะเพิ่มการสอบวิชาภาษาอังกฤษด้วย จากเดิมที่สอบเพียงวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา เพราะฉะนั้น เท่ากับว่า นักเรียนจะต้องสอบทั้งหมด 5 วิชา แต่วิชาภาษาอังกฤษจะคิดในสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น เพราะต้องการขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ จากการประมวลผลการรับนักเรียนในปีการศึกษา 2555 ที่ผ่านมา พบว่า ชั้น ม.1 ไม่มีปัญหาอะไร จึงให้ยึดหลักเกณฑ์การรับเหมือนเดิม แต่ในส่วนของ ม.4 สพฐ.ทราบดีว่านักเรียน ม.3 ส่วนใหญ่ยังต้องการที่จะเรียนต่อ ม.4 ในโรงเรียนเดิม ดังนั้น จึงต้องทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์ เพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นเหมือนปีที่ผ่านมา
สำหรับปีการศึกษา 2556 มีเป้าหมายจะรับนักเรียนชั้น ม.3 เข้าเรียนต่อชั้น ม.4 ให้มากขึ้น ซึ่งได้ให้โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงไปจัดทำแผนการรับนักเรียน โดยคัดเลือกนักเรียนชั้น ม.3 เดิมที่มีศักยภาพที่เหมาะสมเข้าเรียนต่อชั้น ม.4 ทั้งนี้ ศักยภาพที่เหมาะสมมี 3 เงื่อนไข ได้แก่ 1.นักเรียน ม.3 เดิมจะต้องมีคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร (GPAX) ตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป 2.หากมีคะแนน GPAX ต่ำกว่า 2.00 แต่สูงกว่า 1.50 ขึ้นไป จะได้รับโอกาสในการเข้าทดสอบประมวลความรู้ระดับชั้น ม.ต้น ของโรงเรียน และ 3.นักเรียนที่มีความสามารถเฉพาะทาง และสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน เช่น เข้าร่วมกิจกรรมวงโยธวาทิต นาฏศิลป์ กีฬา และศิลปะ แต่จะต้องได้รับการรับรองจากครูที่รับผิดชอบในกิจกรรมนั้นๆ และต้องมีคะแนน GPAX สูงกว่า 1.50 ขึ้นไป
“หลังจากนี้ โรงเรียนต้องกลับไปพิจารณาและจัดทำแผนการรับนักเรียน โดยจะต้องเปิดช่องการรับนักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนอื่นเข้าเรียนต่อชั้น ม.4 ด้วยในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% ของแผนการรับนักเรียน ดังนั้น สัดส่วนสูงสุดที่โรงเรียนจะสามารถรับเด็กได้จะอยู่ที่ 120% อย่างไรก็ตาม โรงเรียนสามารถขอขยายการเพิ่มห้องเรียนได้ แต่จำนวนนักเรียนต่อห้องสูงสุดต้องไม่เกิน 50 คน และการขอขยายห้องเรียนเพิ่ม ทางโรงเรียนจะต้องมีศักยภาพในการบริหารจัดการทั้งบุคลากร ครูผู้สอน และอาคารสถานที่ด้วย” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
นายชินภัทร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ตนจะนำมติของที่ประชุมครั้งนี้เสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาเห็นชอบ และจากนั้นจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม กพฐ.ในเดือนกันยายนและคาดว่า จะสามารถประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติฯ ได้ไม่เกินเดือนพฤศจิกายนนี้
