วธ.ชู พม่า ต้นแบบบริหารจัดการโบราณสถานอย่างเป็นระบบ แนะอาเซียนรวมพลังเชื่อมท่องเที่ยววัฒนธรรม
นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมอาเซียน สำหรับผู้บริหารงานวัฒนธรรม เพื่อเตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนั้น ตนได้เข้าชมแหล่งโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง อาทิ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พบว่า การจัดการมรดกทางวัฒนธรรมในพม่า เป็นระบบมาก โดยเฉพาะแหล่งโบราณสถาน ทางรัฐบาลจะเป็นผู้จัดเก็บค่าเข้าชมเอง บางแห่งก็ให้เอกชนทำสัมปทาน บางส่วนนำรายได้ให้วัด และอีกส่วนก็แบ่งให้รัฐบาล ส่วนที่เห็นชัด คือ การบูรณะโบราณสถาน โดยมีกำหนดระยะเวลาบูรณะ 2-5 ปี โดยงบประมาณในการบูรณะมาจากการเก็บรายได้การเข้าชม ขณะที่การจัดระบบการดูแลโบราณสถานมีการจัดการอย่างเป็นระบบ มีการกำหนดว่า ใครต้องรับผิดชอบอย่างไร เป็นสิ่งที่เราน่าเรียนรู้จากพม่า ที่สำคัญ ตนยังได้เห็นระบบการบริหารจัดการดูแลโบราณสถานที่มีประสิทธิภาพ ที่ตนคิดว่า น่าจะนำมาเป็นแบบแผนบริหารจัดการโบราณสถานในประเทศไทย
นายสมชาย กล่าวว่า ตนพบว่า แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวแหล่งโบราณสถานในพม่าเป็นจำนวนมาก และมีการเล่าถึงความเชื่อที่มาที่ไปของสถานที่ จะทำให้คนอยากมาเรียนรู้มากขึ้น หากเรานำกลับมาบริหารจัดการแหล่งโบราณสถานในประเทศไทย พร้อมใส่เรื่องความเชื่อเข้าไปทำให้แหล่งท่องเที่ยวของเราดูมีชีวิตชีวาขึ้น ที่สำคัญ จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวไทยมากขึ้น อย่างเช่น ความเชื่อของคนไทยกับการไหว้พระธาตุประจำปีเกิด มาชักจูงให้คนท่องเที่ยววัด จะเป็นการเพิ่มมูลค่าทางวัฒนธรรม เป็นต้น หากเราสามารถเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอาเซียนได้ ก็จะทำให้คนทั่วโลกอยากมาเห็น มาชมกันมากขึ้น
“การศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมอาเซียน หรือการรู้เขา รู้เรา รู้กันและกัน จะทำให้ประชาคมอาเซียนมีความเข้มแข็ง และเป็นโอกาสดีที่กลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ควรมีการร่วมมือทางด้านบริการการท่องเที่ยว เราสามารถทำได้ง่าย และดีที่สุด เพราะว่าวัฒนธรรมอาเซียน มีอัตลักษณ์โดดเด่น และมีความแตกต่าง มีความหลากหลาย และมีความเฉพาะตัวตรงนี้จะเป็นจุดแข็งด้านการท่องเที่ยว และเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้คนในอาเซียนได้ ถ้าเราทำให้คนในอาเซียน 600 ล้านคน เกิดระบบคุณค่าร่วมกันที่จะรักษาศิลปวัฒนธรรมร่วมกัน จุดหลักนี้จะทำให้ประชาคมอาเซียนเกิดปึกแผ่นและอยู่ได้อย่างยั่งยืน”ปลัด วธ.กล่าว