ครม.เห็นชอบมาตรการกำกับดูแลการทำการตลาด และการโฆษณานมสำหรับทารกและเด็กเล็ก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำการตลาด และการโฆษณานมสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อขอความร่วมมือให้สถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งในกำกับและนอกกำกับ สธ.ปฏิบัติตามมาตรการฯ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ ดังนี้ 1.ไม่ควรส่งเสริมหรืออนุญาตให้มีกิจกรรมด้านการขายและการตลาดทุกด้านเพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนนมแม่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ขวดนม จุกนม ไม่ควรแสดงผลิตภัณฑ์และสื่อที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ยกเว้นสื่อที่ได้รับอนุญาต
2.ไม่ควรมีการสาธิต หรืออนุญาตให้มีการสาธิตการใช้นมดัดแปลงสำหรับทารกและอาหารทารก โดยบริษัทผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ในสถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข 3.ไม่ควรรับบริจาค หรือรับการสนับสนุนใดๆ ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ รวมทั้งการใช้เครื่องมือสิ่งของอื่นๆ ที่ใส่ชื่อ เครื่องหมายบริษัท หรือสื่อใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นี้ หรือบริษัทผู้ผลิตที่สื่อความหมายถึงผลิตภัณฑ์ ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ และ 4.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ควรปกป้องส่งเสริม สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และไม่ควรเป็นตัวแทนของผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายอาหารทดแทนนมแม่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีสาระสำคัญเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของ สธ.ดังนี้ 1.สธ.ได้มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงทารกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนองโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว เนื่องจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชาติ ประกอบกับปัจจุบันมีการขยายตัวทางการค้าและอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมุ่งเน้นผลประโยชน์ทางการค้ามากกว่าคำนึงถึงสุขภาพของเด็ก
2.สธ.โดยกรมอนามัยได้ออกประกาศ สธ.เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยว ข้อง พ.ศ.2551 ลงวันที่ 1 กันยาน พ.ศ.2551 โดยมีการกำกับดูแลและติดตามการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว แต่ที่ผ่านมา ยังพบปัญหาเกี่ยวกับการทำตลาดอาหารทดแทนนมแม่ โดยมีการส่งเสริมการขายด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ แจกแถม ทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากมาตรการดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะสถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในกำกับ สธ.เท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมถึงสถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขนอกกำกับ สธ.ทำให้การส่งเสริมให้เลี้ยงเด็กด้วยนมแม่ไม่ประสบผลสัมฤทธิ์ตามที่มุ่งหมาย
3.สธ.ได้พิจารณากำหนดมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำการตลาดและการโฆษณานมสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อขอความร่วมมือให้สถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งในกำกับและนอกกำกับ สธ.เช่น สังกัดกระทรวงกลาโหม สังกัดกระทรวงมหาดไทย สังกัดกรุงเทพมหานคร ปฏิบัติตามมาตรการฯ ดังกล่าว เนื่องจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและการพัฒนาชาติ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำการตลาด และการโฆษณานมสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อขอความร่วมมือให้สถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งในกำกับและนอกกำกับ สธ.ปฏิบัติตามมาตรการฯ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ ดังนี้ 1.ไม่ควรส่งเสริมหรืออนุญาตให้มีกิจกรรมด้านการขายและการตลาดทุกด้านเพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนนมแม่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ขวดนม จุกนม ไม่ควรแสดงผลิตภัณฑ์และสื่อที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ยกเว้นสื่อที่ได้รับอนุญาต
2.ไม่ควรมีการสาธิต หรืออนุญาตให้มีการสาธิตการใช้นมดัดแปลงสำหรับทารกและอาหารทารก โดยบริษัทผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ในสถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข 3.ไม่ควรรับบริจาค หรือรับการสนับสนุนใดๆ ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ รวมทั้งการใช้เครื่องมือสิ่งของอื่นๆ ที่ใส่ชื่อ เครื่องหมายบริษัท หรือสื่อใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นี้ หรือบริษัทผู้ผลิตที่สื่อความหมายถึงผลิตภัณฑ์ ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ และ 4.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ควรปกป้องส่งเสริม สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และไม่ควรเป็นตัวแทนของผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายอาหารทดแทนนมแม่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีสาระสำคัญเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของ สธ.ดังนี้ 1.สธ.ได้มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงทารกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนองโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว เนื่องจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชาติ ประกอบกับปัจจุบันมีการขยายตัวทางการค้าและอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมุ่งเน้นผลประโยชน์ทางการค้ามากกว่าคำนึงถึงสุขภาพของเด็ก
2.สธ.โดยกรมอนามัยได้ออกประกาศ สธ.เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยว ข้อง พ.ศ.2551 ลงวันที่ 1 กันยาน พ.ศ.2551 โดยมีการกำกับดูแลและติดตามการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว แต่ที่ผ่านมา ยังพบปัญหาเกี่ยวกับการทำตลาดอาหารทดแทนนมแม่ โดยมีการส่งเสริมการขายด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ แจกแถม ทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากมาตรการดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะสถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในกำกับ สธ.เท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมถึงสถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขนอกกำกับ สธ.ทำให้การส่งเสริมให้เลี้ยงเด็กด้วยนมแม่ไม่ประสบผลสัมฤทธิ์ตามที่มุ่งหมาย
3.สธ.ได้พิจารณากำหนดมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำการตลาดและการโฆษณานมสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อขอความร่วมมือให้สถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งในกำกับและนอกกำกับ สธ.เช่น สังกัดกระทรวงกลาโหม สังกัดกระทรวงมหาดไทย สังกัดกรุงเทพมหานคร ปฏิบัติตามมาตรการฯ ดังกล่าว เนื่องจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและการพัฒนาชาติ