“นพ.สมาน” เตรียมรวบรวมเอกสารเอาผิดผับดังอาร์ซีเอ สัปดาห์นี้
วันนี้ (6 ส.ค.) นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืนจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงเทศกาลอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบในทางลับในพื้นที่ย่านแหล่งสถานบันเทิงอาร์ซีเอ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พบว่า มีสถานบันเทิงจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขาย โดยฝ่าฝืนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2552 เรื่อง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ 4 วัน คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และ วันเข้าพรรษา พบว่ามีสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืนประกาศสำนักนายกฯดังกล่าว โดยมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเวลาเที่ยงคืนของคืนวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งถือว่าเข้าสู่เช้าของวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชาแล้ว โดยพบว่า มีสถานบันเทิงที่กระทำความผิด 2 ร้านดังย่านอาร์ซีเอ ซึ่งเป็นผับที่นักเที่ยวนิยม
“ขณะนี้ได้ให้นิติกร รวบรวมหลักฐานต่างๆ พร้อมร่างเอกสารประกอบการดำเนินคดี ซึ่งคาดว่าจะแจ้งความได้ในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นพบว่าร้านดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่งจริง โดยเมื่อมีการลงทะเบียนเข้างานในช่วงเวลา 19.00-21.00 น.ในคืนดังกล่าวสามารถรับเครื่องดื่มชนิดนี้ได้ฟรีตลอดงาน พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมเปิดตัวสินค้าใหม่ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่อีกร้าน พบมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขายแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอีก ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 28 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นพ.สมาน กล่าว
นพ.สมาน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในมาตรา 32 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม และมาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะ ดังต่อไปนี้ 1.ใช้เครื่องขายอัตโนมัติ 2.การเร่ขาย 3.การลดราคาเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย โดยผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 30 จะมีโทษจําคุก ไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 32 มีโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 หรือทั้งจําทั้งปรับ
วันนี้ (6 ส.ค.) นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืนจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงเทศกาลอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบในทางลับในพื้นที่ย่านแหล่งสถานบันเทิงอาร์ซีเอ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พบว่า มีสถานบันเทิงจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขาย โดยฝ่าฝืนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2552 เรื่อง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ 4 วัน คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และ วันเข้าพรรษา พบว่ามีสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืนประกาศสำนักนายกฯดังกล่าว โดยมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเวลาเที่ยงคืนของคืนวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งถือว่าเข้าสู่เช้าของวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชาแล้ว โดยพบว่า มีสถานบันเทิงที่กระทำความผิด 2 ร้านดังย่านอาร์ซีเอ ซึ่งเป็นผับที่นักเที่ยวนิยม
“ขณะนี้ได้ให้นิติกร รวบรวมหลักฐานต่างๆ พร้อมร่างเอกสารประกอบการดำเนินคดี ซึ่งคาดว่าจะแจ้งความได้ในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นพบว่าร้านดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่งจริง โดยเมื่อมีการลงทะเบียนเข้างานในช่วงเวลา 19.00-21.00 น.ในคืนดังกล่าวสามารถรับเครื่องดื่มชนิดนี้ได้ฟรีตลอดงาน พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมเปิดตัวสินค้าใหม่ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่อีกร้าน พบมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขายแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอีก ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 28 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นพ.สมาน กล่าว
นพ.สมาน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในมาตรา 32 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม และมาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะ ดังต่อไปนี้ 1.ใช้เครื่องขายอัตโนมัติ 2.การเร่ขาย 3.การลดราคาเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย โดยผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 30 จะมีโทษจําคุก ไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 32 มีโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 หรือทั้งจําทั้งปรับ
