สมาชิกสภา กทม.จวกยับ ว่าจ้างกรมราชทัณฑ์ลอกท่อระบายน้ำแล้วไม่เป็นไปตามเนื้องานที่อยู่ ด้อยประสิทธิภาพ ฝาท่อระบายน้ำชำรุดเสียหาย ที่ประชุมไฟเขียวให้ทบทวนว่าจ้างกรมราชทัณฑ์ในครั้งต่อไป
วันนี้ (26 ก.ค.) นายสุทธิชัย วีระกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ.2555 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการ กทม.โดยที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร ได้มีการพิจารณาญัตติของ นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครทบทวน หรือยกเลิกบันทึกข้อตกลงในการลอกท่อระบายน้ำระหว่างกรุงเทพมหานคร กับกรมราชทัณฑ์ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการทำงาน มากกว่าการทำแค่ข้อตกลงโดยจำกัดสิทธิ์ต่างๆ ของ กทม.
ทั้งนี้ ได้มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ได้ร่วมอภิปรายและตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องของการลอกท่อระบายน้ำ ซึ่งดำเนินการโดยกรมราชทัณฑ์ที่ใช้ผู้ต้องขังทำงานนั้น ทำงานไม่เป็นไปตามเนื้องานที่มีอยู่ ไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อก่อนมีการใช้เชือกดึงฝาท่อระบายน้ำออก แต่ ณ ปัจจุบัน กลับมีฝาท่อระบายน้ำชำรุดเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ กทม.ไม่สามารถไปให้คำแนะนำ หรือควบคุมการทำงานกรมราชทัณฑ์ได้เลย นอกจากนี้ การว่าจ้างกรมราชทัณฑ์ ก็ใช้วิธีว่าจ้างในรูปแบบพิเศษ ไม่สามารถลดราคาว่าจ้างได้ต่างจากจ้างเอกชน โดยเห็นว่า หากมีการจัดประมูลงานโดยมีเอกชนยื่นซองประมูลงานสามารถปรับลดงบประมาณดำเนินการได้ และสั่งการควบคุมได้ตามระเบียบพัสดุ
ด้านนายประเสริฐ ทองนุ่น สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ กล่าวเสริมว่า การว่าจ้างกรมราชทัณฑ์ มีประโยชน์ต่อ กทม.อย่างมาก แต่ปัญหาเกิดจาก กทม.ประสบกับปัญหาอุทกภัย โดยรัฐบาลมีเจตนาดีในการที่จะช่วย กทม.แก้ไขปัญหา โดยว่าจ้างกรมราชทัณฑ์เข้ามาดำเนินการในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ไม่มีการปฏิบัติการตามระเบียบวิธีการพัสดุ คือ เข้ามาดำเนินการโดยไม่ได้บอกกล่าวสำนักงานเขต เจ้าของพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาการร้องเรียนว่าทำงานไม่เรียบร้อย หรือทำงานไม่แล้วเสร็จและทิ้งงานไป ซึ่งเรื่องนี้สามารถจัดการได้ด้วยแนวทางการบริหารจัดการของฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวชี้แจงว่า ตนเองเชื่อมั่นในศักยภาพของคน กทม.ว่า จะดูแลทุกข์สุขของประชาชนได้ โดยจะเห็นได้จากการเก็บขยะที่ กทม.เกิดอุทกภัยใหญ่ในปีที่ผ่านมา ก่อนปีใหม่สามารถดำเนินการเก็บขยะได้จนหมด อาทิ ถ.สรงประภา เขตดอนเมือง ได้มีโอกาสไปตรวจพื้นที่ โดยไม่บอกใครพบกองขยะเป็นจำนวนมาก ก็ได้สั่งการให้เขตดอนเมืองเก็บภาย 48 ชั่วโมง ก็แล้วเสร็จ บางครั้งการแก้ไขปัญหาก็ต้องมีส่วนเสริมเมื่อต้องการใช้แรงงานมากในการลอกท่อระบายน้ำ กทม.ก็ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เพราะการว่าจ้างเอกชนในอดีต อาจไม่เหมาะสม และในช่วงเวลาที่ผ่านมา การทำงานเป็นไปด้วยความเร่งรีบ อาจจะบกพร่องไปบ้างตรงนี้ กทม.ก็ต้องขออภัย
อย่างไรก็ดี เมื่อรัฐบาลเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่ง กทม.เองก็ไม่ได้ร้องขอ แต่เป็นนโยบาย เพราะรัฐบาลอยากที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยการเปิดทางน้ำไหลให้เสร็จสิ้นภายในเดือน พ.ค. 2555 กทม.ต้องประสานกับรัฐบาลให้เข้ามารับผิดชอบบางส่วน โดยรัฐบาลเข้ามารับผิดชอบลอกท่อระบายน้ำในพื้นที่เอกชน 3,000 กิโลเมตร ส่วน กทม.ก็จะดำเนินการลอกท่อระบายน้ำอีกที่เหลือใน 3,000 กิโลเมตร แต่ที่เกิดปัญหา ก็เพราะไม่ทราบกำหนดเสร็จสิ้นที่แน่นอน เพราะเข้ามาดำเนินการโดยไม่บอกให้เจ้าของพื้นที่ทราบ เพราะเกิดการทำงานซ้ำซ้อนกัน ประชาชนก็คาดหวังจากการทำงานของ กทม.
ทั้งนี้ กทม.ได้มีการแจ้งเรื่องให้กับรัฐบาลทราบแล้วว่า กรมราชทัณฑ์ ยังขาดตกบกพร่องงานในส่วนไหนเพื่อให้มาดำเนินการตามที่ทำไว้ ส่วนจะยังคงให้มีการว่าจ้างกรมราชทัณฑ์ต่อไปอีกหรือไม่ก็ควรจะพิจารณาทบทวนต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบในญัตติดังกล่าว เพื่อมอบให้ฝ่ายบริหารดำเนินการต่อไป
วันนี้ (26 ก.ค.) นายสุทธิชัย วีระกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ.2555 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการ กทม.โดยที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร ได้มีการพิจารณาญัตติของ นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครทบทวน หรือยกเลิกบันทึกข้อตกลงในการลอกท่อระบายน้ำระหว่างกรุงเทพมหานคร กับกรมราชทัณฑ์ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการทำงาน มากกว่าการทำแค่ข้อตกลงโดยจำกัดสิทธิ์ต่างๆ ของ กทม.
ทั้งนี้ ได้มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ได้ร่วมอภิปรายและตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องของการลอกท่อระบายน้ำ ซึ่งดำเนินการโดยกรมราชทัณฑ์ที่ใช้ผู้ต้องขังทำงานนั้น ทำงานไม่เป็นไปตามเนื้องานที่มีอยู่ ไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อก่อนมีการใช้เชือกดึงฝาท่อระบายน้ำออก แต่ ณ ปัจจุบัน กลับมีฝาท่อระบายน้ำชำรุดเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ กทม.ไม่สามารถไปให้คำแนะนำ หรือควบคุมการทำงานกรมราชทัณฑ์ได้เลย นอกจากนี้ การว่าจ้างกรมราชทัณฑ์ ก็ใช้วิธีว่าจ้างในรูปแบบพิเศษ ไม่สามารถลดราคาว่าจ้างได้ต่างจากจ้างเอกชน โดยเห็นว่า หากมีการจัดประมูลงานโดยมีเอกชนยื่นซองประมูลงานสามารถปรับลดงบประมาณดำเนินการได้ และสั่งการควบคุมได้ตามระเบียบพัสดุ
ด้านนายประเสริฐ ทองนุ่น สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ กล่าวเสริมว่า การว่าจ้างกรมราชทัณฑ์ มีประโยชน์ต่อ กทม.อย่างมาก แต่ปัญหาเกิดจาก กทม.ประสบกับปัญหาอุทกภัย โดยรัฐบาลมีเจตนาดีในการที่จะช่วย กทม.แก้ไขปัญหา โดยว่าจ้างกรมราชทัณฑ์เข้ามาดำเนินการในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ไม่มีการปฏิบัติการตามระเบียบวิธีการพัสดุ คือ เข้ามาดำเนินการโดยไม่ได้บอกกล่าวสำนักงานเขต เจ้าของพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาการร้องเรียนว่าทำงานไม่เรียบร้อย หรือทำงานไม่แล้วเสร็จและทิ้งงานไป ซึ่งเรื่องนี้สามารถจัดการได้ด้วยแนวทางการบริหารจัดการของฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวชี้แจงว่า ตนเองเชื่อมั่นในศักยภาพของคน กทม.ว่า จะดูแลทุกข์สุขของประชาชนได้ โดยจะเห็นได้จากการเก็บขยะที่ กทม.เกิดอุทกภัยใหญ่ในปีที่ผ่านมา ก่อนปีใหม่สามารถดำเนินการเก็บขยะได้จนหมด อาทิ ถ.สรงประภา เขตดอนเมือง ได้มีโอกาสไปตรวจพื้นที่ โดยไม่บอกใครพบกองขยะเป็นจำนวนมาก ก็ได้สั่งการให้เขตดอนเมืองเก็บภาย 48 ชั่วโมง ก็แล้วเสร็จ บางครั้งการแก้ไขปัญหาก็ต้องมีส่วนเสริมเมื่อต้องการใช้แรงงานมากในการลอกท่อระบายน้ำ กทม.ก็ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เพราะการว่าจ้างเอกชนในอดีต อาจไม่เหมาะสม และในช่วงเวลาที่ผ่านมา การทำงานเป็นไปด้วยความเร่งรีบ อาจจะบกพร่องไปบ้างตรงนี้ กทม.ก็ต้องขออภัย
อย่างไรก็ดี เมื่อรัฐบาลเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่ง กทม.เองก็ไม่ได้ร้องขอ แต่เป็นนโยบาย เพราะรัฐบาลอยากที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยการเปิดทางน้ำไหลให้เสร็จสิ้นภายในเดือน พ.ค. 2555 กทม.ต้องประสานกับรัฐบาลให้เข้ามารับผิดชอบบางส่วน โดยรัฐบาลเข้ามารับผิดชอบลอกท่อระบายน้ำในพื้นที่เอกชน 3,000 กิโลเมตร ส่วน กทม.ก็จะดำเนินการลอกท่อระบายน้ำอีกที่เหลือใน 3,000 กิโลเมตร แต่ที่เกิดปัญหา ก็เพราะไม่ทราบกำหนดเสร็จสิ้นที่แน่นอน เพราะเข้ามาดำเนินการโดยไม่บอกให้เจ้าของพื้นที่ทราบ เพราะเกิดการทำงานซ้ำซ้อนกัน ประชาชนก็คาดหวังจากการทำงานของ กทม.
ทั้งนี้ กทม.ได้มีการแจ้งเรื่องให้กับรัฐบาลทราบแล้วว่า กรมราชทัณฑ์ ยังขาดตกบกพร่องงานในส่วนไหนเพื่อให้มาดำเนินการตามที่ทำไว้ ส่วนจะยังคงให้มีการว่าจ้างกรมราชทัณฑ์ต่อไปอีกหรือไม่ก็ควรจะพิจารณาทบทวนต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบในญัตติดังกล่าว เพื่อมอบให้ฝ่ายบริหารดำเนินการต่อไป
