สธ.ปลื้ม! ผู้ป่วยต่างชาติมีแนวโน้มเข้ามารักษาในไทยเพิ่มทุกปี คาดปี 2555 มีมากกว่า 2.5 ล้านราย ประมาณรายได้ถึง 1.2 แสนล้านบาท พบฮิตศัลยกรรมกระดูก ผ่าตัดหัวใจ ศัลยกรรมความงาม มั่นใจเมดิคัลฮับช่วยพัฒนาบริการรักษาพยาบาลของไทยมากขึ้น ส่วนปัญหาสมองไหลโยนรัฐหาทางแก้เอง
นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการประมาณการของกรมส่งเสริมการส่งออกและกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยต่างชาติและประมาณการรายได้จากบริการรักษาพยาบาลตั้งแต่ปี 2550-2554 พบว่า จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นจาก 1,373,807 ราย ในปี 2550 เป็น 1,380,000 ราย 1390,000 ราย 1,980,000 ราย และ 2,240,000 รายตามลำดับ ประมาณการรายได้ปี 2550 จำนวน 41,000 ล้านบาท ปี 2551 ราว 50,963 ล้านบาท ปี 2552 จำนวน 63,347 ล้านบาท ปี 2553 ราว 78,740 ล้านบาท และปี 2554 จำนวน 97,874 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงบริการรักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วยต่างชาติมีอัตราการเจริญเติบโตสูง เห็นได้จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติและรายได้มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นทุกปีตลอด 5 ปีย้อนหลัง สำหรับในปี 2555 ประมาณการว่าจะมีผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษาพยาบาลในไทยราว 2,530,000 ราย ประมาณการรายได้ 121,658 ล้านบาท
อธิบดีกรม สบส.กล่าวอีกว่า เมื่อจำแนกผู้ป่วยชาวต่างชาติ 5 อันดับแรก พบว่า มาจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง และ ออสเตรเลีย ตามลำดับ เมื่อศึกษาถึงลักษณะของการเข้าไปใช้บริการในโรงพยาบาล พบว่า ผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเลือกโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร และใน จ.ท่องเที่ยว จำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย 41.4% 2.กลุ่มนักท่องเที่ยว และใช้บริการรักษาพยาบาลบางส่วน 32% และ 3.กลุ่มที่เดินทางมาเพื่อการรักษาโดยเฉพาะ 26.6% ทั้งนี้ บริการรักษาพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ได้แก่ ศัลยกรรมกระดูก 5.85%, ผ่าตัดโรคหัวใจ 5.06%, ศัลยกรรมความงาม 4.26%, ทันตกรรม 3.46%, โรคทางเดินอาหาร 3.46% และตรวจสุขภาพและอื่น ๆ 4.51%
“ตามนโยบายรัฐบาลเรื่องไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ เมดิคัลฮับ จะช่วยให้การดำเนินการบริการรักษาพยาบาลของไทยมีการพัฒนามากขึ้น โดยจะเน้นความเป็นศูนย์กลางใน 4 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย 1.บริการทางการแพทย์ 2.สปาไทย 3.แพทย์แผนไทย และ 4.สมุนไพรไทย ซึ่งล้วนแต่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยในทางการแพทย์และบริการทั้งสิ้น โดยขณะนี้มีการดำเนินการเพื่อพัฒนาทั้ง 4 ด้านเป็นอย่างมาก ส่วนปัญหาสมองไหลของบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการเมดิคัลฮับโดยตรง เพราะแม้ไม่มีโครงการนี้ก็เกิดปัญหาสมองไหล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องช่วยกันหาแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ร่วมกัน” นพ.สมชัย กล่าว
นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการประมาณการของกรมส่งเสริมการส่งออกและกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยต่างชาติและประมาณการรายได้จากบริการรักษาพยาบาลตั้งแต่ปี 2550-2554 พบว่า จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นจาก 1,373,807 ราย ในปี 2550 เป็น 1,380,000 ราย 1390,000 ราย 1,980,000 ราย และ 2,240,000 รายตามลำดับ ประมาณการรายได้ปี 2550 จำนวน 41,000 ล้านบาท ปี 2551 ราว 50,963 ล้านบาท ปี 2552 จำนวน 63,347 ล้านบาท ปี 2553 ราว 78,740 ล้านบาท และปี 2554 จำนวน 97,874 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงบริการรักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วยต่างชาติมีอัตราการเจริญเติบโตสูง เห็นได้จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติและรายได้มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นทุกปีตลอด 5 ปีย้อนหลัง สำหรับในปี 2555 ประมาณการว่าจะมีผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษาพยาบาลในไทยราว 2,530,000 ราย ประมาณการรายได้ 121,658 ล้านบาท
อธิบดีกรม สบส.กล่าวอีกว่า เมื่อจำแนกผู้ป่วยชาวต่างชาติ 5 อันดับแรก พบว่า มาจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง และ ออสเตรเลีย ตามลำดับ เมื่อศึกษาถึงลักษณะของการเข้าไปใช้บริการในโรงพยาบาล พบว่า ผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเลือกโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร และใน จ.ท่องเที่ยว จำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย 41.4% 2.กลุ่มนักท่องเที่ยว และใช้บริการรักษาพยาบาลบางส่วน 32% และ 3.กลุ่มที่เดินทางมาเพื่อการรักษาโดยเฉพาะ 26.6% ทั้งนี้ บริการรักษาพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ได้แก่ ศัลยกรรมกระดูก 5.85%, ผ่าตัดโรคหัวใจ 5.06%, ศัลยกรรมความงาม 4.26%, ทันตกรรม 3.46%, โรคทางเดินอาหาร 3.46% และตรวจสุขภาพและอื่น ๆ 4.51%
“ตามนโยบายรัฐบาลเรื่องไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ เมดิคัลฮับ จะช่วยให้การดำเนินการบริการรักษาพยาบาลของไทยมีการพัฒนามากขึ้น โดยจะเน้นความเป็นศูนย์กลางใน 4 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย 1.บริการทางการแพทย์ 2.สปาไทย 3.แพทย์แผนไทย และ 4.สมุนไพรไทย ซึ่งล้วนแต่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยในทางการแพทย์และบริการทั้งสิ้น โดยขณะนี้มีการดำเนินการเพื่อพัฒนาทั้ง 4 ด้านเป็นอย่างมาก ส่วนปัญหาสมองไหลของบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการเมดิคัลฮับโดยตรง เพราะแม้ไม่มีโครงการนี้ก็เกิดปัญหาสมองไหล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องช่วยกันหาแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ร่วมกัน” นพ.สมชัย กล่าว