สธ.สั่งเฝ้าระวังศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังพบเด็กเขมรป่วยตายด้วยโรคมือ เท้า ปาก จากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 กว่า 60 ราย ย้ำ เป็นคนละสายพันธุ์ในไทย แนะผู้ปกครองสอนบุตรหลานล้างมือให้สะอาดป้องกันเชื้อ
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคลึกลับที่คร่าชีวิตเด็กกัมพูชากว่า 60 ราย ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามข่าว และเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง โดยแจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และสำนักงานป้องกันควบคุมโรค (สคร.) ทุกพื้นที่ติดตาม ว่า มีการติดเชื้อดังกล่าวในประเทศไทยหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งขณะนี้พบว่า ยังไม่เกิดการกระจายของโรค แต่หากมีก็พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์ สำหรับมาตรการป้องกันและการรับมือ จำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังการกินอาหาร และการล้างมือให้สะอาดถูกอนามัย ส่วนการให้ความช่วยเหลือแก่กัมพูชาในการควบคุมและป้องกันเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 หากมีการประสานมาก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) เปิดเผยว่า เด็กกัมพูชาที่ป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก จนเสียชีวิตกว่า 60 รายนั้น เกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ซึ่งเมื่อปี 2554 ประเทศไทยก็มีเด็กเสียชีวิต ด้วยโรคมือ เท้า ปาก จากเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวจำนวน 6 คน โดยปกติแล้วโรคมือ เท้า ปาก ที่พบในไทยจะเป็นสายพันธุ์ค็อกซากี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีรายงานการเสียชีวิต แต่ทั้งนี้ ผู้ปกครองต้องตั้งข้อสังเกตและเฝ้าระวังอาการป่วยของบุตรหลาน หากพบว่า เป็นโรคมือ เท้า ปาก ไม่ควรให้ไปโรงเรียน และหากมีอาการไข้ขึ้นสูง ไม่ควรปล่อยให้เป็นไข้เกิน 3 วัน แต่ต้องรีบเช็ดตัวและรีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที นอกจากนี้ ยังต้องแนะวิธีล้างมือที่ถูกต้องให้แก่เด็กด้วย เพราะเชื้อดังกล่าวจะอยู่ในอุจจาระของเด็ก การล้างมือให้สะอาดจึงสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมือ เท้า ปาก ได้
