สพฐ.สั่งเขตพื้นที่ฯ ราชบุรี ตรวจสอบว่า นร.ที่ปรากฏในคลิปอยู่ ร.ร.ใด ยันไม่ลงโทษรุนแรง แต่จะใช้วิธีการสร้างสรรค์ แก้ที่จิตใจ พร้อมเร่งหาทางแก้ด้วยการทำงานแบบบูรณาการทุกฝ่ายให้ช่วยลดช่องว่างปัญหา
จากกรณีที่มีคลิปนักเรียนหญิง-ชายแต่งกายในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมมั่วเซ็กซ์กลางโรงภาพยนตร์ ใน จ.ราชบุรี ออกมาเผยแพร่ทางยูทืวบ์ รวมถึงกรณีนักเรียนเทคนิค-อาชีวะ จ.เพชรบุรี รวม 10 คน พากันไปสวิงกิ้งในโรงแรมม่านรูด ก่อนเข้าเรียนทุกวัน จนชาวบ้านทนไม่ไหวแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมตัวได้คาโรงแรมม่านรูด นั้น
วันนี้ (26 มิ.ย.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เป็นพฤติกรรมที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันสอดส่องดูแล เพราะถ้าหากทำงานกันแบบแยกส่วน ก็จะทำให้ไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้ถึงพฤติกรรมของนักเรียนที่ไม่เหมาะสมของนักเรียน ซึ่งความจริงแล้ว ส่วนราชการก็มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมความประพฤติของนักเรียนอยู่แล้ว จึงอยากให้ทำงานกันเป็นเครือข่าย ดังนั้น หากประชาชน หรือผู้ปกครอง พบเห็นเด็กนักเรียนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่สมควรสำหรับนักเรียน ก็ควรแจ้งข้อมูลมายังศูนย์เสมารักษ์ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่หมายเลข 1579 หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่หน่วยเฉพาะกิจช่วยเหลือนักเรียน หมายเลข 02-2885599 ซึ่งพร้อมจะปฏิบัติการดูแลนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกเขตพื้นที่การศึกษา หรือประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบได้
นายชินภัทร กล่าวด้วยว่า ตรงนี้แม้จะเป็นการป้องกันที่ปลายเหตุ แต่สิ่งที่เรากำลังรณรงค์เพื่อป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุ โดยการพัฒนาทักษะชีวิตให้กับนักเรียน รวมถึงการอบรมศีลธรรม ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้ไปร่วมประชุมกับคณะสังฆาธิการ เพื่อรณรงค์พัฒนาโรงเรียนดีศรีตำบล โดย สพฐ.จะร่วมกับคณะสังฆาธิการในการอบรมผู้บริหาร บุคลากร ครูทุกคนในโรงเรียน ทั้งนี้ เพื่อให้โรงเรียนให้ความสำคัญในเรื่องศีลธรรมและความประพฤติให้กับนักเรียน ดีกว่าการตามแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน เราก็จะต้องมีมาตรการในการป้องกันเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนของเราด้วย
“ขณะนี้ได้ให้เขตพื้นที่ฯ ที่เกิดเหตุไปตรวจสอบอยู่ ว่า เป็นนักเรียนของโรงเรียนใด แต่ สพฐ.จะไม่ใช้วิธีลงโทษรุนแรง เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ สพฐ.จะใช้วิธีปรับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนมากกว่า และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียน โดยจะให้นักเรียนร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาจากภายใน โดยการแก้ที่จิตใจของนักเรียน และควรจะวางระบบการสอดส่องดูแลไม่ให้เด็กอยู่ห่างจากสายตามากเกินไป ซึ่งการที่เด็กเล็ดลอดไปอยู่ในที่ไม่เหมาะสมถือเป็นความบกพร่องของผู้ใหญ่ด้วย ส่วนที่มองว่าเป็นความผิดของโรงเรียนที่ไม่ดูแลเด็กหรือไม่นั้น เรามองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาเชิงซ้อน เช่น เกิดจากปัญหาครอบครัว หรือการรับสื่อที่ไม่เหมาะสมของเด็กก็เป็นส่วนหนึ่ง ดังนั้น หลายฝ่ายจะต้องช่วยกันดูแลและลดช่วงว่างเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับวิชาเพศศึกษา ว่า สพฐ.จะให้ความสำคัญกับวิธีการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาให้ถูกต้องต่อไป โดยเฉพาะครูผู้สอนจะต้องมีเทคนิคและวิการการสอนที่ถูกต้องและต้องพยายามทำให้เด็กรู้ เข้าใจ และรู้เท่าทัน ต้องไม่ให้เป็นลักษณะ รู้แล้วไปลองกระทำโดยไม่เหมาะสม เพราะการให้ความรู้ในเรื่องเพศศึกษามีทั้งแรงผลักและแรงดัน ดังนั้น เราจะต้องดึงนักเรียนกลับมาอยู่ในเส้นทางความประพฤติที่ถูกต้องด้วย และเราต้องมีการวิเคราะห์ย้อนกลับไปด้วยว่าการที่นักเรียนมีพฤติกรรมเช่นนั้นเกิดจากอะไร ก็คงจะมีปัญหาตั้งแต่เรื่องการดูแลของครอบครัว เรื่องการรับสื่อ และการไม่รู้จักกลั่นกรองสื่อที่เป็นประโยชน์ และการไม่มีคนแนะนำในช่วงวัยที่เด็กกำลังเติบโตขึ้นมาจึงเป็นการกระทำตามเพื่อนชักชวน เพราะฉะนั้น จะต้องหาทางให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแกไขปัญหา
ขณะที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ และยังไม่ได้ดูคลิปของนักเรียนที่เกิดขึ้นในโรงหนัง ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่โดยหลักการแล้ว ศธ.ตั้งมั่นในศีลธรรม คุณธรรม ไม่ประสงค์ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ดังนั้น ต่อไป ศธ.จะหาวิธีการอบรมอบรมศีลธรรมคุณธรรมผ่านระบบการศึกษาในโรงเรียนทุกระดับ ส่วนเรื่องการตรวจสอบ ตรวจจับนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว
“โรงเรียนมีหน้าที่ในเชิงสร้างสรรค์ อบรมให้เด็กมีคุณธรรมจริยธรรม การไปตรวจจับสิ่งที่ผิดปกติภายนอกโรงเรียนก็มีหน่วยงานอื่นๆ ช่วยดูแลอยู่แล ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือสารวัตนักเรียน” ศ.ดร.สุชาติ กล่าว
จากกรณีที่มีคลิปนักเรียนหญิง-ชายแต่งกายในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมมั่วเซ็กซ์กลางโรงภาพยนตร์ ใน จ.ราชบุรี ออกมาเผยแพร่ทางยูทืวบ์ รวมถึงกรณีนักเรียนเทคนิค-อาชีวะ จ.เพชรบุรี รวม 10 คน พากันไปสวิงกิ้งในโรงแรมม่านรูด ก่อนเข้าเรียนทุกวัน จนชาวบ้านทนไม่ไหวแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมตัวได้คาโรงแรมม่านรูด นั้น
วันนี้ (26 มิ.ย.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เป็นพฤติกรรมที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันสอดส่องดูแล เพราะถ้าหากทำงานกันแบบแยกส่วน ก็จะทำให้ไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้ถึงพฤติกรรมของนักเรียนที่ไม่เหมาะสมของนักเรียน ซึ่งความจริงแล้ว ส่วนราชการก็มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมความประพฤติของนักเรียนอยู่แล้ว จึงอยากให้ทำงานกันเป็นเครือข่าย ดังนั้น หากประชาชน หรือผู้ปกครอง พบเห็นเด็กนักเรียนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่สมควรสำหรับนักเรียน ก็ควรแจ้งข้อมูลมายังศูนย์เสมารักษ์ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่หมายเลข 1579 หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่หน่วยเฉพาะกิจช่วยเหลือนักเรียน หมายเลข 02-2885599 ซึ่งพร้อมจะปฏิบัติการดูแลนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกเขตพื้นที่การศึกษา หรือประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบได้
นายชินภัทร กล่าวด้วยว่า ตรงนี้แม้จะเป็นการป้องกันที่ปลายเหตุ แต่สิ่งที่เรากำลังรณรงค์เพื่อป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุ โดยการพัฒนาทักษะชีวิตให้กับนักเรียน รวมถึงการอบรมศีลธรรม ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้ไปร่วมประชุมกับคณะสังฆาธิการ เพื่อรณรงค์พัฒนาโรงเรียนดีศรีตำบล โดย สพฐ.จะร่วมกับคณะสังฆาธิการในการอบรมผู้บริหาร บุคลากร ครูทุกคนในโรงเรียน ทั้งนี้ เพื่อให้โรงเรียนให้ความสำคัญในเรื่องศีลธรรมและความประพฤติให้กับนักเรียน ดีกว่าการตามแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน เราก็จะต้องมีมาตรการในการป้องกันเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนของเราด้วย
“ขณะนี้ได้ให้เขตพื้นที่ฯ ที่เกิดเหตุไปตรวจสอบอยู่ ว่า เป็นนักเรียนของโรงเรียนใด แต่ สพฐ.จะไม่ใช้วิธีลงโทษรุนแรง เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ สพฐ.จะใช้วิธีปรับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนมากกว่า และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียน โดยจะให้นักเรียนร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาจากภายใน โดยการแก้ที่จิตใจของนักเรียน และควรจะวางระบบการสอดส่องดูแลไม่ให้เด็กอยู่ห่างจากสายตามากเกินไป ซึ่งการที่เด็กเล็ดลอดไปอยู่ในที่ไม่เหมาะสมถือเป็นความบกพร่องของผู้ใหญ่ด้วย ส่วนที่มองว่าเป็นความผิดของโรงเรียนที่ไม่ดูแลเด็กหรือไม่นั้น เรามองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาเชิงซ้อน เช่น เกิดจากปัญหาครอบครัว หรือการรับสื่อที่ไม่เหมาะสมของเด็กก็เป็นส่วนหนึ่ง ดังนั้น หลายฝ่ายจะต้องช่วยกันดูแลและลดช่วงว่างเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับวิชาเพศศึกษา ว่า สพฐ.จะให้ความสำคัญกับวิธีการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาให้ถูกต้องต่อไป โดยเฉพาะครูผู้สอนจะต้องมีเทคนิคและวิการการสอนที่ถูกต้องและต้องพยายามทำให้เด็กรู้ เข้าใจ และรู้เท่าทัน ต้องไม่ให้เป็นลักษณะ รู้แล้วไปลองกระทำโดยไม่เหมาะสม เพราะการให้ความรู้ในเรื่องเพศศึกษามีทั้งแรงผลักและแรงดัน ดังนั้น เราจะต้องดึงนักเรียนกลับมาอยู่ในเส้นทางความประพฤติที่ถูกต้องด้วย และเราต้องมีการวิเคราะห์ย้อนกลับไปด้วยว่าการที่นักเรียนมีพฤติกรรมเช่นนั้นเกิดจากอะไร ก็คงจะมีปัญหาตั้งแต่เรื่องการดูแลของครอบครัว เรื่องการรับสื่อ และการไม่รู้จักกลั่นกรองสื่อที่เป็นประโยชน์ และการไม่มีคนแนะนำในช่วงวัยที่เด็กกำลังเติบโตขึ้นมาจึงเป็นการกระทำตามเพื่อนชักชวน เพราะฉะนั้น จะต้องหาทางให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแกไขปัญหา
ขณะที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ และยังไม่ได้ดูคลิปของนักเรียนที่เกิดขึ้นในโรงหนัง ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่โดยหลักการแล้ว ศธ.ตั้งมั่นในศีลธรรม คุณธรรม ไม่ประสงค์ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ดังนั้น ต่อไป ศธ.จะหาวิธีการอบรมอบรมศีลธรรมคุณธรรมผ่านระบบการศึกษาในโรงเรียนทุกระดับ ส่วนเรื่องการตรวจสอบ ตรวจจับนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว
“โรงเรียนมีหน้าที่ในเชิงสร้างสรรค์ อบรมให้เด็กมีคุณธรรมจริยธรรม การไปตรวจจับสิ่งที่ผิดปกติภายนอกโรงเรียนก็มีหน่วยงานอื่นๆ ช่วยดูแลอยู่แล ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือสารวัตนักเรียน” ศ.ดร.สุชาติ กล่าว